‘ศุภชัย’ยันอยากทำงานร่วม‘กสทช.’ ไม่มีแผนฟ้องหากดีล‘ทรู-แทค’ล้ม
22 กรกฎาคม 2565 นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กระบวนการในการควบรวมดีล ทรู และ ดีแทค เกิดขึ้นจากการแข่งขันของทั้ง 2 องค์กรค่อยๆ ลดน้อยลง พบกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างมาก แลนสเคปที่เปลี่ยนไป ของระบบการแข่งขัน ซึ่งโทรคมฯ ก็ไม่ได้แข่งขันเฉพาะโทรคมนาคม แต่แข่งขันผู้ประกอบการระดับโลก รายได้อุตสาหกรรมมือถือ สองสามปีที่ผ่านมาทุกรายลดลง แต่การลงทุนสูงขึ้นเพราะต้องเปลี่ยนเทคโนโลยีจาก 4G เป็น 5G สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้ประกอบการระดับโลกที่ให้บริการ OTT ทั้งรายได้จากเสียง (วอยซ์) ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี และรายได้จากการส่งข้อความก็เกือบจะไม่เหลือแล้ว การแข่งขันของโทรคมนาคม สนามการแข่งขันเปลี่ยนไปเยอะมาก ผู้ประกอบการด้านดิจิตอลมีเดียเข้าพื้นที่ ทั้งสององค์กร ศักยภาพลดลงไปเรื่อยๆ
นายศุภชัย ระบุว่า ประกอบด้านการเงิน ที่มีการลงทุนสูง การลงทุนสู่ระบบ 5G เป็นการลงทุนที่หนักมาก และก่อหนี้มีการลงทุนเพื่อส่งเงินให้กับ ภาครัฐ ทำให้การลงทุนไม่สามารถเต็มที่และต่อเนื่อง ศักยภาพถดถอยลงและแลนสแคปตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เราต้องมาดูว่า การควบรวม จะสามารถทำให้เรามีศักยภาพในการบริการดี ขึ้นเทคโนโลยีที่ใช้ แข่งกับผู้ให้บริการ OTT ที่ดิสรัปชั่นอุตสาหกรรม เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจังทัง สองบริษัท เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราต้องพิจารณาเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน ผู้กำกับดูแล อย่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หรือด้านกฎหมาย ถ้ามองว่าการควบรวมที่ไม่เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน คิดว่าไม่ใช่ เป็นการควบรวมเพื่อเสริมสร้างการแข่งขัน ให้ผู้บริโภคและประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด แน่นอนอาจจะไม่สมบูรณ์ แต่ผู้ให้บริการจะทำให้ค่า HJI ต่ำลง เรื่องการแข่งขันลดลง แต่ผมขออนุญาตเรียนว่ามันเป็นโอกาสที่จะลด HJI จากากรควบรวม เช่น หนึ่งในเงื่อนไข การส่งเสริมให้การแข่งขันสูงขึ้น การเปิดโครงข่าย.ให้ขยายขึ้น สามารถลดค่า HI ให้ต่ำว่าปัจจัยนี้ได้อีก แม้ไม่มีการควบรวม แต่ขณะเดียวกันเพิ่มประโยชน์ให้กับผู้บริโภค ให้ผู้บริโภค เพราะคลื่นใหญ่ขึ้น ขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมถึง 5 หมื่นเสา
อย่างไรก็ตามการควบรวมครั้งนี้ไม่มีฟอร์ซเ ลน์ออฟ ไล่คนออก เพราะการผลึกกำลังศักยภาพคนจะทำให้บริการดีขึ้น ทางด้านเทคโนดลีสิซาวกรรมที่เราจะสร้างใหม่ขึ้นมา เพื่อการแข่งขันใหม่ด้วย สิทธิประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากลูกค้า ทรู และดีแทค ถ้าเรามองไกล การท่าทายของโลกและของไทย จะช่วยลดเรื่องความเหลื่อมล้ำได้ โทรคมนาคมมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดเหนียวแน่นกับระบบการศึกษาการควบรวมครั้งนี้จะช่วยแอดเดรสได้อย่างไร เราอยากทำการบ้านกับ กสทช.และทุกภาคฝ่าย และประการที่สอง การขับเคลื่อนดิจิทัลอินฟอร์เมชั่น สุดท้ายความยั่งยืนหลายเป้าหมายใน 17 SDG บริษัทที่ตั้งใหม่จะสามารถขับเคลื่อนได้ การควบรวมครั้งนี้ เป็นการควบรวมทั้งกลุ่มเทเลนอร์และซีพี ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น30% สามสิบเปอร์เซ็นต์ จะเป็นมหาชน ที่สมบูรณ์แบบไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่
“ขั้นตอนที่เพนดิ้งอยู่ คือเรกูเลเตอร์ กสทช.ต้องพิจารณา เราทำยื่นเรื่องเข้าไปตั้งแต่มกราคม ซึ่งการพิจารณามีใน 90 วัน นี่คือการควบรวม ไม่ใช่การเทคโอเวอร์ ใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ทุกอย่าง เหมือนเดิม บริษัทภายใต้บริษัท แม่ยังเหมือนเดิม จึงเป็นการพิจารณาเรื่องของเงื่อนไขที่เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ ประเทศ และประชาชน ประเทศชาติ เกิดการสะดุดครับ ตามหลักเก้าสิบวันต้องเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา กสทช.ที่มาใหม่ ท่านต้องการเวลาเพิ่มเติม
“เราอยากให้เกิดขึ้นเร็ว ไม่อย่างนั้นกระทบตลาดทุน และความมั่นใจของตลาดทุน ตลอดจนสิทธิประโยชน์ แก่ผู้บริโภคชาวไทย ลูกค้า.ทั้งสององค์กรล่าช้าตามไปด้วยในแง่เศรษฐกิจก็จะเพิ่มมูลค่า สิ่งเหล่านี้หากแผนเลื่อนออกไป ความกดดันของทั้งสององค์กร ก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้ากระบวนการไม่ผ่าน เราทั้งสองบริษัท ก็จะเป็นองค์กรที่ไม่แข็งแรง แล้วการแข่งขันในมีเดียแลนด์ที่เปลี่ยนไป ก็จะถดถอยลง ถ้ารวม แน่นอนเราต้องลดต้นทุน ผนึกกำลังสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดกว่าเดิม” นายศุภชัย กล่าว
ทั้งนี้ แผนธุรกิจ เบื้องต้นได้ส่งกสทช.ไปแล้วตั้งแต่ม.ค. 65 โดยการร่วมมือครั้งนี่จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้่นการให้บริการจากโครงข่ายทั้ง 2 เจ้าที่มีอยู่ให้ดีขึ้น และช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสามารถการลงทุนโครงข่าย 5 G และ 6G ในอนาคต รวมทั้งจะหันมารุกขยายฐานดิจิทัลทรานฟอร์มให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนก่อนทำเทนเดอร์ช่วงสิงหาคม 65 หากดีลควบรวมสำเร็จจะมีการตั้งกอง VC เพื่อลงทุนธุรกิจสตาร์อัพของไทย ปูทางระยะยาวเชื่อว่าขั้นตอนน่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เพราะเป็นดีลลักษณะเดียวกับ NT และหลังจากควบรวมจำนวนเลขหมายคงปรับลดเหลือราว 46-47 ล้านเลขหมายใกล้เคียงโอเปอเรเตอร์อื่น เพราะหมายเลขทับซ้อนกัน และดำเนินตามกฎหมายควบรวมปี 61 ซึ่งการควบรวมคงไม่ทำให่ผูกขาด เพราะคนกำหนดราคาค่าบริการคือ กสทช. ถ้าเราไม่ทำตามถูกยึดไลเซ่นคืนได้
ขณะเดียวกัน หากการควบรวมไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง กฎหมายการควบรวมปี 2561 การควบรวมไม่ใช่การเข้าซื้อกิจการ กสทช.ไม่มีอำนาจอนุมัติ ยืนยัน แต่ กสทช.มีอำนาจในการสร้างเงื่อนไข ที่จะลดผลกระทบ และสร้างผลประโยชน์ในทางบวก บริษัท ยินดีอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับ กสทช.ต่อเงื่อนไขเหล่านั้น ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อการควบรวม
“แอคซิเดนท์ ในทางกฎหมายไม่ควรจะเกิด ถ้าไม่ควบรวม อุตสาหกรรมมือถือจะถดถอยลงเรื่อง ที่สำคัญไม่ควรจะเป็น ยกตัวอย่าง NT ก็ควบรวมกันมาแล้ว การควบรวมเพื่อปรับศักยภาพในการแข่งขัน เป็นเรื่องที่ทางกสทช.ควรพิจารณา ถ้าไม่รวม ศักยภาพการลงทุนน้อยลง เพราะทั้งสององค์กรลงทุนทับซ้อนเหมือนเดิม ไม่เกิดผลดีต่อภาพรวมของประเทศ และศักยภาพการลมทุนที่ดีขึ้นและเท่าเทียม ส่วนกรณีของ เอไอเอส เป็นการเทคโอเวอร์ โครงสร้างผู้ถือหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง เป็นตามระเบียบกสทช.ต้องขออนุมัติตามระเบียบกฎหมายปี 61 มีกฎหมายชัดเจน แตกต่างกับการควบรวม ผมไม่มีแผนที่จะฟ้องกสทช. หากดีลนี้ไม่ผ่าน แต่เข้าใจว่า กสทช.ชุดใหม่ พึ่งเข้ามา คงต้องใช้เวลาในการพิจารณา” นายศุภชัย กล่าว
นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การเมริซในครั้งนี้ เป็นประโยชน์สูงสุดให้ชาวไทย ไม่มีบริษัทไหนในโลกนี้ประสบความสำเร็จ ถ้าไม่สามารถให้ประโยชน์กับผู้บริโภคได้ อยากให้กสทช.รักษาแวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย และเป็นความร่วมมือที่ตั้งใจจะทำให้มีการส่งมอบระบบเศรษฐกิจ ที่ดีในประเทศไทย ภาพรวมของเทลโกในไทยเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไทยยังมีโอกาสเติบโต ตัวเลขยืนยันไทยยังเป็นดิจิทัลแชมเปี้ยนในภูมิภาคนี้ ซื้อของออนไลน์ internet economy โตเป็น 3 เท่า ใน ช่วงปี 2020
อย่างไรก็ตามหลังจากการควบรวม บริษัทจะลงทุนกว่า 7.3 พันล้านบาทเพื่อสร้างธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ที่จะเน้นด้านศูนย์กลางนวัตกรรมที่จะสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่งและสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านการเดินทางสู่การสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับภูมิภาค ด้วยศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีในอนาคต
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี