เช็คที่นี่ละเอียดยิบ ลงทะเบียน-วิธีรับสิทธิ 800 บาท‘คนละครึ่งเฟส5’
26 กรกฎาคม 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คณะกรรมการฯ) ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2565 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบโครงการ ดังต่อไปนี้
(1) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 (โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรฯ ระยะที่ 5)
(2) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 (โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ ระยะที่ 3)
(3) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5
ตามที่กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเสนอ เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้แก่กลุ่มที่มีความเปราะบางทางด้านรายได้ ทรัพย์สิน และหนี้สิน และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ) ตลอดจนเพื่อรักษาแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565 ผ่านการเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยประชาชนสามารถเลือกเข้าร่วมโครงการได้เพียง 1 โครงการ ดังมีรายละเอียด ดังนี้
1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรฯ ระยะที่ 5 ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 จำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 (กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป) รวมทั้งสิ้น 400 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีบัตรฯ) จำนวนไม่เกิน 13.34 ล้านคน
ทั้งนี้ หากผู้มีบัตรฯ ประสงค์จะรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 จะต้องสละสิทธิการเป็นผู้มีบัตรฯ โดยขอให้นำบัตรฯ มาคืนที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2565 เวลา 16.30 น. (ปิดตามเวลาราชการ) โดยการคืนบัตรฯ ดังกล่าว ผู้มีบัตรฯ จะไม่สามารถกลับมาขอรับบัตรฯ ภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และ 2561 ได้อีก นอกจากนี้ การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการลงทะเบียนและสิทธิคงเหลือภายใต้โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5
2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ ระยะที่ 3 ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าฯ และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 จำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 (กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป) รวมทั้งสิ้น 400 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ ให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ เช่น ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ ผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้) ผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง เป็นต้น
ทั้งนี้ เป็นกลุ่มที่ได้รับสิทธิตามโครงการเราชนะ กลุ่ม 4 จำนวนไม่เกิน 2.23 ล้านคน ทั้งนี้ หากผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ ประสงค์จะรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 และถือเป็นการสละสิทธิตามโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ ระยะที่ 3 และจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก
3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สนับสนุนวงเงินค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวดสปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า และสินค้าหรือบริการที่กระทรวงการคลังกำหนด จากภาครัฐในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เข้าร่วมโครงการจำนวนไม่เกิน 26.5 ล้านคน ในส่วนของการลงทะเบียนและการใช้จ่า
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีรายละเอียดและระยะเวลาดำเนินโครงการ ดังนี้
3.1 การลงทะเบียนและการใช้จ่าย
3.1.1 สำหรับประชาชนผู้ที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 สามารถยืนยันสิทธิเพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565 โดยจะต้องใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 ในการซื้อสินค้าหรือบริการภายใต้โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. ซึ่งหากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5
3.1.2 สำหรับประชาชนทั่วไปนอกเหนือจาก 3.1.1 จะต้องดำเนินการ ดังนี้
(1) กรณีเป็นประชาชนที่เคยได้รับสิทธิมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่งhttp://xn--72c.com/ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565
(2) ประชาชนนอกจาก (1) สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่งhttp://xn--72c.com/ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับการยืนยันสิทธิจากการลงทะเบียนตาม 3.1.2 ก่อนวันที่ 1 กันยายน 2565 จะต้องใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 โดยการซื้อสินค้าหรือบริการในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. ซึ่งหากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 และสำหรับประชาชนที่ได้รับการยืนยันสิทธิจากการลงทะเบียนตาม 3.1.2 ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 เป็นต้นไป จะต้องใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 โดยการซื้อสินค้าหรือบริการในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับข้อความผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือข้อความสั้น (SMS) แจ้งยืนยันสิทธิในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ซึ่งหากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว จะถูกตัดสิทธิในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5
3.2 คุณสมบัติประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ (1) ประชาชนที่มีสัญชาติไทย (2) มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน (3) มีบัตรประจำตัวประชาชน (4) ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2565 และไม่เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 (5) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ และ (6) ไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
3.3 การยืนยันตัวตน ก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทยฯ หรือผู้ที่มีแอปพลิเคชัน “Krungthai NEXT” ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคารกรุงไทยฯ แล้ว ไม่ต้องยืนยันตัวตนใหม่อีก
3.4 การเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการร้านค้า สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป เวลา 06.00 - 22.00 น. จนกว่ากระทรวงการคลังจะประกาศปิดรับสมัคร โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว และประสงค์จะเข้าร่วมโครงการต่อไปจะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่http://xn--72c.com/ หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ
โฆษกกระทรวงการคลังยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการทั้ง 3 โครงการ ครอบคลุมประชาชนจำนวน 42 ล้านคน โดยจะช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ และคาดว่าจะมีเม็ดเงินเติมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี 2565 จำนวน 48,628 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.13 ต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีไม่มีการดำเนินโครงการทั้ง 3 โครงการ อีกทั้งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่พี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าครม. อนุมัติโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 กรอบวงเงิน รวม 21,200 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 26.5 ล้านคน ระยะเวลาดำเนินการสี่เดือนตั้งแต่สิงหาคม-พฤศจิกายน 2565 โดยให้ประชาชนใช้สิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน- 31 ตุลาคม 2565
รูปแบบการดำเนินการ ภาครัฐร่วมชำระค่าอาหารเครื่องดื่มสินค้าและบริการทั่วไปและบริการขนส่งสาธารณะที่กำหนดในอัตราร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน หรือไม่เกิน 800 บาทต่อคน
คุณสมบัติ ต้องเป็นประชาชนสัญชาติไทยอายุ 18 ปี ขึ้นไป มีบัตรประชาชน ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือไม่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการช่วยเหลือพิเศษ สำหรับประชาชนผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ต้องยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง เฟส 5 และใช้สิทธิครั้งแรก ภายในวันที่ 14 กันยายน หรือระยะเวลาที่ กระทรวงคลังกำหนด สำหรับประชาชนทั่วไป จะต้องใช้สิทธิ โครงการฯ เฟส 5 ครั้งแรกภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับข้อความผ่าน แอปพลิเคชัน เป๋าตังหรือข้อความสั้น (SMS) แจ้งยืนยันสิทธิ หรือระยะเวลาที่กระทรวงคลังกำหนด
สิทธิประโยชน์ ภาครัฐจะร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าและบริการที่กำหนด ในอัตราร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน หรือไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ โดยผู้ได้รับสิทธิสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม จากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น ซึ่งประชาชนที่ได้รับสิทธิ จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินสนับสนุนที่ภาครัฐร่วมจ่ายตามโครงการดังกล่าวนี้ด้วย
ประเภทสินค้าและบริการ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม และบริการขนส่งสาธารณะ โดยไม่รวมสินค้าสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัลบัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือ บริการล่วงหน้า ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้สามารถกำหนดเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าและบริการของโครงการฯ ได้
ผู้ประกอบการ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
-ผู้ประกอบการร้านค้าสัญชาติไทย ที่เป็นร้านอาหาร /เครื่องดื่ม/ร้านค้าทั่วไป ไม่ใช่นิติบุคคล หรือร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง หรือวิสาหกิจชุมชน หรือ ร้านธงฟ้า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ จะต้องไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์
-ผู้ประกอบการบริการสัญชาติไทยที่ไม่ใช่นิติบุคคล ไม่เป็นผู้ประกอบการบริการของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง หรือวิสาหกิจชุมชน หรือเป็นผู้ให้บริการประเภทรถที่ตรวจสอบได้ เช่น รถสามล้อถีบ เป็นต้น
-ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งสาธารณะสัญชาติไทย ที่ไม่ใช่นิติบุคคล เช่น แท็กซี่ รถสามล้อ รถสองแถวรับจ้าง รถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
-ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะและเรือโดยสารสาธารณะ
คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังสื่อสารและประชาสัมพันธ์โครงการฯ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความเหมาะสมและความจำเป็นที่ภาครัฐสนับสนุนวงเงินรวมชำระไม่เกิน 800 บาทต่อคน โดยมีแผนการเริ่มดำเนินโครงการฯ รับสมัครประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้าและบริการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคม และประชาชนจะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนและใช้สิทธิโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการฯ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง เพิ่มอุปสงค์ในการบริโภค กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ เกิดการลงทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชนในสถานการณ์ที่ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น คาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มเติม 42,400 ล้านบาท GDP ขยายตัวร้อยละ 0.12 เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการฯ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี