“ป่าไม้” ทรัพยากรธรรมชาติที่มีประโยชน์หลายประการ ทั้งการเป็นแหล่งต้นน้ำ รักษาความชุ่มชื้นในดิน ลดผลกระทบจากภัยพิบัติทั้งลมพายุและน้ำท่วม เป็นเครื่องฟอกอากาศตามธรรมชาติจากคุณสมบัติการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ไปจนถึงเป็นที่พึ่งพิงด้านปัจจัย 4 ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจ พบพื้นที่ป่าลดลงทั้งระดับโลกและในประเทศไทย อาทิ สถาบันทรัพยากรโลก (WRI) และ Global Forest Watch พบว่า ในปี 2564 โลกสูญเสียพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากที่เคยสำรวจเมื่อปี 2562 ถึง 4.2 ล้านเฮกตาร์ หรือประมาณ 262.5 ล้านไร่
ขณะที่รายงานโครงการจัดทำข้อมูลสภาพพื้นที่ป่าไม้ ปี 2564 โดยกรมป่าไม้ ชี้ว่า ในปี 2563 ไทยมีพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด 102,353,484.76 ไร่ หรือร้อยละ 31.64 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ลดลงจากปี 2516 ซึ่งไทยมีพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมด 138,566,875 ไร่ หรือร้อยละ 43.21 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ อีกทั้งในปี 2564 พื้นที่ป่ายังลดลงจากปี 2563 โดยอยู่ที่ 102,212,434.37 ไร่ หรือร้อยละ 31.59 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ
“ปตท.” ในฐานะบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศไทย นอกจากจะมีบทบาทด้านความมั่นคงทางพลังงานแล้ว การพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การดูแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ ปตท. ให้ความสนใจมาอย่างยาวนาน อาทิ โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ ซึ่งเริ่มดำเนินการในปี 2537 อันเป็นการสนับสนุนรัฐบาลขณะนั้นที่ต้องการปลูกป่า 5 ล้านไร่ ได้รวบรวมพัฒนาองค์ความรู้มาเป็นสถาบันปลูกป่า และระบบนิเวศ ปตท. ในปัจจุบัน
ล่าสุดกับโครงการ “ลมหายใจเพื่อเมือง” ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจาก “ลมหายใจเดียวกัน-ลมหายใจเพื่อน้อง” โดย ลมหายใจเดียวกัน เป็นโครงการที่ ปตท. ร่วมจัดหาเครื่องช่วยหายใจ และเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นมอบให้กับโรงพยาบาลหลายแห่ง ตลอดจนระดมความเชี่ยวชาญจากแต่ละบริษัทในเครือ พัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของโรงพยาบาลสนาม ระบบตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อและแยกตามระดับอาการ (เขียว-เหลือง-แดง) รวมถึงการฉีดวัคซีน ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา
ขณะที่ ลมหายใจเพื่อน้อง เป็นโครงการที่ ปตท. ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เนื่องจาก ได้เล็งเห็นว่า การช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยเฉพาะจากผลกระทบช่วงสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ก็มีความจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นำไปสู่การจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง PTT Virtual Run ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2565 โดยระดมทุนได้ถึง 171 ล้านบาท แบ่งเป็น 151 ล้านบาท ที่สามารถช่วยเด็กและเยาวชนให้กลับมาเรียนได้ถึง 60,000 คน และอีก 20 ล้านบาท สำหรับก่อตั้งกองทุนแรกเริ่มศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในวิกฤตการศึกษา เพื่อดูแลเด็กและเยาวชนที่สุ่มเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาเมื่อเจอวิกฤตในชีวิต
กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ปตท. ได้เปิดตัวโครงการลมหายใจเพื่อเมือง ขึ้น โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการลมหายใจเพื่อเมือง เป็นการสนับสนุนเป้าหมายของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น ซึ่ง ปตท. ต้องขอบคุณ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตลอดจนทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมในการช่วยกันสร้างพื้นที่สีเขียว เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชนเมือง สร้างสมดุลให้กับสภาพภูมิอากาศของประเทศและของโลก โดย ปตท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการลมหายใจเพื่อเมือง จะเป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศน่าอยู่ต่อไป
สำหรับโครงการลมหายใจเพื่อเมือง ปตท. จะร่วมปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น ในพื้นที่ของ ปตท. และพื้นที่ของ กทม. เป็นไม้ยืนต้น ไม้พุ่มอายุยาว และไม้เถาที่มีเนื้อไม้ เป็นพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ กทม. อาทิ ต้นประดู่ป่า ต้นรวงผึ้ง ต้นไทรย้อยใบแหลม นำร่องพัฒนาพื้นที่บริเวณ ถ.กำแพงเพชร 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ปตท. ที่จะพัฒนาใช้ประโยชน์และมุ่งให้เกิดพื้นที่สีเขียวควบคู่กันต่อไปในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายพื้นที่สีเขียวของ กทม.
“นอกจากจะปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของ ปตท. แล้ว ยังร่วมกับ กทม. ปลูกในพื้นที่สวนสาธารณะ อาทิ สวนจตุจักร สวนรถไฟ และอีกหลายพื้นที่ที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ กักฝุ่นและมลพิษ รวมทั้งยังเป็นการช่วยลดอุณหภูมิรอบพื้นที่ปลูก ให้ร่มเงา และเพิ่มความน่าอยู่ให้กับสังคมเมืองอีกด้วย” นายอรรถพล กล่าว
จากปี 2537 กับโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ 1 ล้านไร่ ปัจจุบันพบว่า ป่าที่ปลูกดังกล่าว สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สะสมเฉลี่ย 2.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี พร้อมกับส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจที่ดีแก่ชุมชนโดยรอบพื้นที่แปลงปลูกป่า จนถึงวันนี้ที่ ปตท. เข้ามาสนับสนุนการปลูกต้นไม้ 1 แสนต้นใน กทม. ก็ด้วยมุ่งหวังเช่นกันว่า ให้พื้นที่สีเขียวเหล่านี้ได้ทำหน้าที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ กักฝุ่น และมลพิษ ให้ร่มเงา และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนเมือง
ทั้งนี้ การปลูกและรักษาป่า เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ “3P” ของ ปตท. ประกอบด้วย 1.Pursuit of Lower Emissions ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการ 2.Portfolio Transformation ปรับพอร์ตการดำเนินธุรกิจสู่ธุรกิจสีเขียว เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 3.Partnership with Nature and Society ดำเนินการปลูกและบำรุงรักษาป่า ร่วมกับภาครัฐและชุมชน มุ่งสู่การเพิ่มการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดจะร่วมผลักดันองค์กรให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission หรือการยุติการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไปในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี