บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL รายงานผลการดำเนินงานว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขาย 12.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายได้รวม 13.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในภาพรวมปริมาณการขายในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดลง แต่ชดเชยด้วยราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564
สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก 2565 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 28.6% และ 22% ตามลำดับ โดยอัตราดังกล่าวยังคงต่ำกว่าในไตรมาส 2 ปี 2564 เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นก่อนการปรับขึ้นของราคาขายผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อย มีผลประกอบการที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติเพิ่มขึ้นเป็น 27.4% และ 20.2% ตามลำดับ จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพโดยในไตรมาส 2 ปี 2565 กำไรขั้นต้นของบริษัทและบริษัทย่อยอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาส 1ปี 2565 และมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาส 1 ปี 2565 และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในครึ่งปีแรก 2565 อยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% จากช่วงเดียวกันของปี 2564
ทั้งนี้ในไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ (รวม minority interestor MI) อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 และเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 19.8% โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2565 กำไรสุทธิ (รวม MI) อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 หากไม่รวม MI กำไรสุทธิจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปี 2564
“บริษัทยึดมั่นในคติพจน์ Cash is King โดยปัจจุบันได้สำรองเงินสดสภาพคล่องสูง โดยยอมเสียส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และบริหารระยะเวลาการหมุนเวียนของกระแสเงินสดของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีระยะเวลาหมุนเวียนของสินทรัพย์หมุนเวียนสุทธิ (NWC) อยู่ที่ 23.45 สัปดาห์ ดีขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 24.65 สัปดาห์ ในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีระยะหมุนเวียนของเงินสดต่อสินทรัพย์หมุนเวียน (Cash tied to WCA) ลดลงเหลือ 29.4 สัปดาห์ เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 30.9 สัปดาห์ ในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ ณ สิ้นครึ่งปีแรก 2565 บริษัทและบริษัทย่อย มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 55 พันล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ (Net interest bearing debt) ต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA (annualized)) อยู่ที่ 3.68 เท่า ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 4.02 เท่า ในไตรมาส 1 ปี 2565 และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ (Net interest bearing debt) ต่อส่วนผู้ถือหุ้น(Equity) ณ สิ้นไตรมาส 2ปี 2565 ที่ 0.91 เท่า ในขณะที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อยอดขายอยู่ที่ 4.94% และมีอัตราความสามารถในการชำระดอกเบี้ยที่ 6.11 เท่า (คำนวณโดยอ้างอิงจากงบกระแสเงินสด) ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
ในขณะที่ธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอยู่ในช่วงมาตรการผ่อนปรนในปัจจุบัน บริษัทคาดว่าแนวโน้มธุรกิจปูนซิเมนต์ยังคงมีเสถียรภาพ และยังมีโอกาสเติบโตต่อไป โดยมีการแข่งขันที่ถูกจำกัดจากผู้ผลิตรายใหญ่เพียง 3 ราย ซึ่งไม่มีการนำเข้าปูนจากต่างประเทศ โดยลูกค้าเม็ดพลาสติกมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับบริษัทมาเป็นเวลายาวนาน ส่วนการขายไฟฟ้าของบริษัทก็มีข้อตกลงสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในระยะยาว ดังนั้น Net interest bearing debt /EBITDAratio ที่ 3.68 เท่า จึงไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
ภายใต้มาตรการ ESG บริษัทจะยังคงใช้มาตรการในการบริหารต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยกลยุทธ์การบริหารจัดการดังกล่าว เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสร้างผลกำไรตามการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของภาวะเศรษฐกิจภายใต้ลักษณะการดําเนินธุรกิจของบริษัท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี