ฟอร์ด มัสแตง รถสปอร์ตคูเป้ระดับตำนานที่ขายดีที่สุดในโลก มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดุดัน สไตล์อเมริกันพันธุ์แท้ โดยมีเทคโนโลยีและออปชั่นเสริมให้เลือก สำหรับผู้ขับขี่ที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ โดยมีวางจำหน่ายในประเทศไทย 2 รุ่น คือ รุ่น 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack และรุ่น 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack

ฟอร์ด มัสแตง มาพร้อมชุดแต่ง Performance Pack ที่ให้เฟืองท้ายแบบ Limited-Slip มอบความสนุกในการขับขี่บนเส้นทางคดเคี้ยวกันชนหลังและดิฟฟิวเซอร์ เพิ่มการยึดเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น ไฟหน้าออกแบบ เพื่อสอดรับกับทรงสี่เหลี่ยมคางหมูของกระจังหน้าชิ้นบนอย่างลงตัว มาพร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยว และไฟท้าย 3 แถว อันเป็นเอกลักษณ์ของฟอร์ด มัสแตงท่อไอเสีย 4ท่อ และมีสปอยเลอร์ เป็นมาตรฐานในรุ่น GT และล้ออัลลอย ดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารตกแต่งหรูหราทันสมัย ด้วยวัสดุที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย พร้อมแผงหน้าปัดแสดงผลดิจิทัล ขนาด 12.4 นิ้ว
แสดงข้อมูลโหมดขับขี่แต่ละโหมด รวมถึงมีฟีเจอร์ Electronic Line Lock ที่ผู้ขับขี่สามารถเห็นแอนิเมชั่นแบบวีดีโอเกมเป็นครั้งแรก บนหน้าจอ 12.4 นิ้ว นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสารและความบันเทิง SYNC3 ตลอดจนการเชื่อมต่อ และควบคุมสมาร์ทโฟน ระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมลำโพง 12 จุด ระบบนำทาง และระบบปรับอากาศ สั่งงานด้วยเสียงและการสัมผัสบนหน้าจอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto™

ขุมพลังเครื่องยนต์วี 8 ขนาด 5.0 ลิตร ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบพละกำลังเร้าใจในการขับขี่ และรอบเครื่อง red line ด้วยระบบหัวฉีดสองระบบ (Dual-Fuel) ที่ผสานระบบไดเร็กอินเจกชั่นแรงดันสูง และระบบฉีดเชื้อเพลิงที่ท่อแบบแรงดันต่ำมีกำลังสูงสุด 449 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 529นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที ขณะที่เครื่องยนต์อีโคบู๊สต์ ขนาด 2.3 ลิตร มอบขุมพลังสูงสุด 290 แรงม้าที่ 5,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Electronic Line Lock ช่วยให้ผู้ขับขี่เบิร์นยางคู่หลังได้อย่างง่ายดาย พร้อมสำหรับการแข่งทางตรง (drag strip) ซึ่งระบบนี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทั้งในรุ่นเครื่องยนต์โคบู๊สต์ 2.3 ลิตร และรุ่นเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร วี8 GT Coupe

ด้านเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะมากมาย อาทิ ระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกการเดินทางบนท้องถนน

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยมากมาย ทั้งระบบช่วยโทรฉุกเฉิน ระบบควบคุมการทรงตัวAdvancetrac® (Advancetrac® With Electronic Stability Programme) พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)

ช่วงการทดสอบ ผู้เขียนได้ รุ่น 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ก่อนอื่นต้องยอมรับในความเป็นสปอร์ตคูเป้ ด้วยรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวสไตล์อเมริกันพันธุ์แท้ดูบึกบึน และทรงพลัง แรงม้ามากถึง 449 แรงม้า อัตราเร่งรวดเร็วทันใจ สำหรับเบาะนั่ง RECARO® ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งในรถแข่ง โอบกระชับสรีระได้ดี แต่ในความคิดเห็น ของผู้เขียนจะค่อนข้างลำบากสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพราะเข้าออกยากเหมาะสำหรับไปกันแค่สองคนมากกว่าฟังก์ชั่นต่างๆ มีให้เยอะมาก ถ้าคนที่ไม่เคยขับฟอร์ด มัสแตง อาจต้องทำความ คุ้นเคยสักพัก โดยมีโหมดการขับขี่ 6 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ (Normal) โหมดสปอร์ต (Sport) โหมดแทร็ค (Track) โหมดหิมะ/พื้นเปียก (Snow/Wet) โหมดแข่งทางตรง (Drag Strip) และโหมด (My Mode) ให้ผู้ขับขี่เลือกตั้งค่าสมรรถนะการขับขี่ และเสียงท่อไอเสีย ได้ตามต้องการ ขณะเดียวกัน ยังมี Quiet Mode สามารถตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบได้ เพื่อลดการรบกวนเพื่อนบ้าน หรือผู้คนในชุมชน

นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกสวิตช์ปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 3 รูปแบบComfort พวงมาลัยจะมีน้ำหนักเบาขึ้น เหมาะสำหรับการขับขี่ทางไกล Normal เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน และ Sport พวงมาลัยจะมีน้ำหนักมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ขณะใช้ความเร็วสูง รวมทั้งเพลิดเพลินด้วยระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen คุณภาพเสียงระดับพรีเมียมพร้อมลำโพง 12 จุด สร้างพลังเสียงสุดกระหึ่มเพื่อเอาใจคนรักเสียงดนตรีอย่างแท้จริง

โดยสรุปแล้ว ฟอร์ด มัสแตง เป็นรถสปอร์ตในตำนาน ที่มาพร้อมกับความหรูหรา บึกบึนสไตล์อเมริกัน เหมาะสำหรับคนที่ชอบความแตกต่างไม่ซ้ำใคร สมรรถนะโดดเด่น มีฟังก์ชั่นให้เลือกเยอะ สำหรับ รุ่น 5.0 L ราคา 4,899,000 บาท ถ้าชอบต้องไปลองขับก่อนตัดสินใจ!!