บอร์ดสลากฯพอใจสลากดิจิทัลใกล้จุดสมดุล 10 วัน งวด 16 ตุลาคม 65 เพิ่มสลากเป็น 13.9 ล้านใบ เร่งพัฒนาโอนเงินรางวัลสลากดิจิทัลผ่าน G-Wallet คาดเริ่มได้ต้นปีหน้า พร้อมแก้ปัญหาคิวแน่นจองสลากฯไม่ได้ พร้อมไฟเขียวสลากแบบ L6 และ N 3 เตรียมเสนอกระทรวงการคลังเพื่อนำเข้าครม.กำหนดประเภทและรูปแบบสลากต่อไป
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วย นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และพันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในห้วงที่ผ่านมา
นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการฯ กล่าวว่า จากการที่สำนักงานสลากฯ ดำเนินการจำหน่ายสลากดิจิทัล ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 จนถึงขณะนี้ ผ่านมาแล้ว 7 งวด มีผลตอบรับจากผู้ซื้อพึงพอใจที่สามารถซื้อสลากหมายเลขที่ต้องการได้และขึ้นเงินรางวัลสะดวก ง่ายไม่ยุ่งยาก โดยการจำหน่ายสลากงวด 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ระยะเวลาในการจำหน่ายสลากดิจิทัลเริ่มใกล้เคียงสมดุล คือใช้เวลาประมาณ 10 วัน และเพื่อให้ผู้ซื้อมีระยะเวลาในการซื้อสลากดิจิทัลมากขึ้น จนถึงใกล้วันออกรางวัล
ดังนั้น ในงวดที่ 16 ตุลาคม 2565 จึงได้เพิ่มสลากจากเดิม เป็น 13,964,500 ใบ โดยสลากทั้งหมด เป็นของตัวแทนจำหน่าย 27,929 ราย โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2565 เวลา 06.00 - 23.00 น. ทุกวัน จนกว่าสลากจะหมด และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับ ผู้ที่ถูกรางวัล ทีมงานกำลังพัฒนาระบบการโอนเงินรางวัล ผ่าน G-Wallet ในแอป ฯ เป๋าตัง ซึ่งผู้ถูกรางวัลสามารถโอนต่อไปยังบัญชีของธนาคารอะไรก็ได้ และโอนเงินให้ผู้ถูกรางวัลได้ภายใน 2 ชั่วโมง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือนมกราคม 2566
"สำหรับเป้าหมายในปีนี้ คือ ตั้งเป้าจำหน่ายสลากราคา 80 บาท ประมาณ 20 ล้านใบ ทั้งในระบบดิจิทัลและจุดจำหน่ายสลาก 80 ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 1,047 จุดทั่วประเทศ ซึ่งคนขายจะค่อยๆ ปรับตัวและเรียนรู้ ในขณะที่ ประชาชนมีทางเลือกในการเข้าถึงสลากราคา 80 บาทมากขึ้น และการอำนวยความสะดวกในการรับเงินรางวัลผ่าน G-Wallet ที่สะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก จะทำให้ สลากดิจิทัลก็จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยผลักดันให้สลากในตลาดราคาถูกลง" ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าว
ด้าน พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาสลากไม่เพียงพอต่อการทำรายการของผู้มีสิทธิ์ทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯ นั้น ทางสำนักงานสลากฯ ได้เตรียมแนวทางเพื่อลดปัญหาไว้ โดยจะเปลี่ยนวิธีการทำรายการ จากเดิม ที่ผู้มีสิทธิฯ ต้องทำรายการด้วยตนเอง โดยไปแย่งกันเข้าคิวทำรายการทั้งที่หน้าตู้ ATM หรือแย่งกันทำรายการผ่านเน็ตแบงค์ หรือ แอปฯ เป๋าตัง เปลี่ยนเป็นการที่สำนักงานสลากฯ จะดำเนินการสุ่มคัดเลือก หรือแรนดอมในการรับสิทธิ์ทำรายการให้ ในส่วนของผู้มีสิทธิ์ทำรายการฯ ที่ไม่ได้รับการสุ่มคัดเลือกในการจองสลาก สำนักงานฯ จะให้สิทธิในการซื้อสลากให้ เพื่อให้ผู้ซื้อ-จองล่วงหน้า ฯ มั่นใจว่า อย่างน้อยในแต่ละงวดจะมีสลากไปจำหน่าย
"วิธีการสุ่มคัดเลือก หรือแรนดอมนั้น จะเป็นการทำให้ได้มาซึ่งผู้มีสิทธิ์สามารถทำรายการได้ในแต่ละงวด โดยเอาจำนวนผู้มีสิทธิ์ในระบบทุกคนมาทำการสุ่มคัดเลือก ให้ได้จำนวนคนพอดีกับจำนวนสลากในระบบที่มีอยู่ ที่จะสามารถทำรายการได้ คนละ 5 เล่ม หลังจากนั้น เมื่อได้จำนวนผู้มีสิทธิ์ทำรายการได้ในงวดนี้แล้ว เพียงแต่ผู้สิทธิ์ทำรายการนี้ เข้ามายืนยันโดยการทำรายการ ก็จะได้รับสลากไปจำหน่าย ส่วนผู้ที่ไม่ได้ถูกสุ่มคัดเลือกให้เป็นผู้มีสิทธิ์ทำรายการได้ในงวดนี้ ก็จะเป็นผู้มีสิทธิ์ทำรายการได้ในงวดหน้าโดยอัตโนมัติ และจะทำการสุ่มคัดเลือกให้ได้ผู้มีสิทธิ์ทำรายการในลักษณะเช่นนี้ สลับกันไปในทุกงวด ดังนั้น จะเป็นการการันตีว่า จะไม่มีผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ทำรายการได้ติดต่อกันเกินกว่า 1 งวดอย่างแน่นอน เพราะในปัจจุบัน จำนวนสลากที่อยู่ในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าฯ นั้น มีจำนวนเพียงพอ กับผู้มีสิทธิ์ทำรายการได้อย่างน้อยกึ่งหนึ่ง" ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าว
พ.ท.หนุน กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการดำเนินการกับตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่รับสลากจากสำนักงานฯ แล้วไม่จำหน่ายด้วยตนเอง แต่กลับนำไปจำหน่ายต่อ นั้น ล่าสุด จากการตรวจสอบ พบว่าเป็นสลากของตัวแทนจำหน่ายรายย่อย 166 ราย และเป็นสลากของสมาคม องค์กร มูลนิธิ ฯ 87 สมาคมฯ โดยสลากในส่วนของสมาคมฯ ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา สำนักงานสลากฯ ได้ดำเนินการปรับลดจำนวนสลากรวม 1,086 เล่ม ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ยังได้ยกเลิกการลงทะเบียนของผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่นำสลากไปขายต่อบนแพลตฟอร์มเอกชน อีก 7,349 ราย และสำนักงานสลากฯ ยังคงความต่อเนื่องในการตรวจสอบการปฏิบัติของตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ให้เป็นไปตามสัญญาอย่างเคร่งครัด
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะประธานกรรมการศึกษาผลิตภัณฑ์และเกมสลากรูปแบบอื่น ๆ กล่าวเกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคมเกี่ยวกับการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบ L6 (หวย 6หลัก) และ N 3 (หวย 3 หลัก) ว่า ขณะนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและศึกษาผลกระทบทางสังคมเกี่ยวกับการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำปี 2565 เรียบร้อยแล้ว และสำนักงานฯได้ดำเนินการการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
สรุปได้ว่าผู้มีส่วนได้เสียส่วนใหญ่เห็นด้วยในประเภทและรูปแบบของสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งสองรูปแบบ และเห็นว่าการออกสลากผลิตภัณฑ์ใหม่แบบดิจิทัลจะช่วยแก้ปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา ในขณะเดียวกัน ยังคงมีความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบเชิงความห่วงใยอยู่บ้าง แต่ก็ได้มีแนวทางและมาตรการในการลดความกังวลใจดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นมาตรการควบคุมและป้องกันการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลของเด็กและเยาวชน รวมถึงการจำกัดปริมาณการซื้อสลากให้เหมาะสมสำหรับผู้ซื้อบางกลุ่มตลอดจนมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอันเกิดจากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
"หลังจากที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เห็นชอบรายงานดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ สำนักงานสลากฯ จะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดประเภทและรูปแบบสลากประจำปี 2565 เพื่อพิจารณานำเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม"นายธนวรรธน์ กล่าว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เกิดมาฆ่าหวยใต้ดิน?! จ่อเคาะสลาก 3 หลักพรุ่งนี้ ลุ้นเต็มๆ 4 รางวัล วางขายปีหน้า)
-001