ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Informal ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ในห้วงการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 2565ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารกลางอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2566 เสนอประเด็นความร่วมมือด้านการเงินการคลังอาเซียนในปี 2566 ประกอบด้วย1. การส่งเสริมการฟื้นฟู การเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและทางการเงิน และการสร้างภูมิคุ้มกัน 2. ความร่วมมือด้านภาษีระหว่างประเทศ 3.การยกระดับความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน 4.การพัฒนาการเชื่อมโยงการชำระเงินและการส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ 5. การส่งเสริมการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านเพื่อสนับสนุนการเงินที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจสีเขียว โดยที่ประชุมฯได้สนับสนุนข้อเสนอประเด็นความร่วมมือดังกล่าว เพราะมีส่วนสำคัญในการฟื้นตัวและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของสมาชิกและภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้หารือทวิภาคีกับ นาย Ros Seilava รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา ถึงความร่วมมือในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทย-กัมพูชาและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กัมพูชา ภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2566 “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง สำหรับหลายคน ปี 2023 จะรู้สึกราวกับเศรษฐกิจถดถอย” IMF คาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจทั่วโลกจะลดลงเหลือ 2.7%ในปี 2566 มีความเป็นไปได้ 25% อาจลดลงต่ำกว่า 2% เมื่อเทียบกับ คาดการณ์เดิมขยายตัว 3.2% ในปีนี้
ขณะที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ติดตามสภาวะตลาดการเงินและสื่อสารกับผู้ร่วมตลาดอย่างเป็นประจำผ่านการประชุม Market Dialogue เพื่อรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุนและนำมาปรับแผนการระดมทุนของรัฐบาลให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดอย่างสม่ำเสมอ และประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันดูแลสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้และตลาดการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยปรับกลยุทธ์การระดมทุนหลากหลาย(Diversification) เพิ่มเติมจากการออกพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเป็นเครื่องมือหลัก ไปยังเครื่องมือระยะสั้นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยและด้านการปรับโครงสร้างหนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 สบน. ได้กู้เงินภายใต้ พ.ร.ก. COVID-19 ทั้งสองฉบับแล้วทั้งสิ้น 1.48 ล้านล้านบาท และเบิกจ่ายแล้วกว่า 1.38 ล้านล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี