นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ หรือ QTC เปิดเผยว่า จากการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ และการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง QTC และบริษัท ยูเอซีโกลบอล หรือ UAC ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจได้เล็งเห็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทร่วม อย่าง บจก. พีพีดับบลิวอี (PPWE) ได้ประกาศแผนลงทุนในธุรกิจให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายใต้นโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ(Low carbon Society)

ล่าสุด PPWE ได้เปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบการชาร์จไฟแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC EV Super Fast Charger) จำนวน 2 สถานี หรือ 4 หัวชาร์จ ณ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงคาลเท็กซ์ โนนสูง และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงคาลเท็กซ์วิภัชรุ่งเรือง จังหวัดนครราชสีมา โดยทั้ง 2 สถานีใช้ระบบบริหารจัดการสถานี “BackEN” ผู้ใช้บริการสถานีสามารถใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชั่น “EleXA” ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จากเฟสแรกที่วางเป้าหมายจะเปิดทั้งหมด 4 สถานี หรือ 14 หัวชาร์จ มีขนาดตั้งแต่ 50 kW ถึงสูงสุดที่ 200 kW เพื่อรองรับการใช้งานแก่ประชาชนที่เดินทางในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียง

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทยูเอซี โกลบอล หรือ UAC กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า ตามแผนที่วางไว้ทั้งให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจในด้าน EV Station ที่สอดคล้องกับนโยบายการลงทุนด้าน Energy Efficiency และ Zero-Emission เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทฯ อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว และการสร้าง Synergy ร่วมกับบริษัทพันธมิตร เพื่อให้เกิด New S-Curve ของ UAC Group ในอนาคต

จากเป้าหมายในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าเฟสแรก 4 สถานี รวม 14 หัวจ่าย คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 3-4 ล้านบาทต่อสถานี คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนรวมประมาณ 15 ล้านบาท ในปี 2565 และในอนาคต ตั้งเป้าสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า 50 สถานี หรือทั้งหมด 150 หัวจ่าย ครอบคลุมทั่วประเทศ

“การเปิดให้บริการของสถานีอัดประจุไฟฟ้า “Super Fast” ทั้ง 2 สถานี ถือเป็นการรองรับการให้บริการในอนาคตของรถ EV ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยทั้ง UAC และ QTC ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว โดยมั่นใจว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเสริมทัพความแข็งแกร่งให้ทั้ง 2 บริษัทมากขึ้นในระยะยาว”