ปัจจุบันภาคธุรกิจต้องมีการปรับตัวอย่างมากเพื่อให้ก้าวทันเข้ากับยุคสมัยและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีการพัฒนา คิดค้นเทคโนโลยี นวัตกรรม ใหม่ๆเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รูปแบบการใช้พลังงานก็มีความเปลี่ยนแปลงไป แต่ละประเทศก็มีนโยบายใช้พลังงานสะอาดในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ปตท. เองก็เช่นกัน จึงได้มีการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ เพื่อเดินหน้าสู่ “Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังงานแห่งอนาคต” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้เติบโตไปสู่ธุรกิจพลังงานอนาคตและธุรกิจใหม่ทีไปไกลมากกว่าพลังงาน
Powering Life คือการพัฒนาคุณภาพชีวิต ควบคู่การดำเนินธุรกิจ พร้อมกับส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เคียงข้างด้วยการช่วยเหลือสังคมไปพร้อมๆกัน ปตท. ได้มีการริเริ่ม
• “โครงการลมหายใจเดียวกัน” เพื่อช่วยเหลือสังคมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาโดยใช้งบประมาณทั้งกลุ่ม ปตท. รวมกว่า 1,200 ล้านบาท (ณ เดือนสิงหาคม 2565) รวมถึงการดูแลและช่วยเหลือด้านราคาพลังงาน จำนวน 17,800 ล้านบาท (ณ เดือนกันยายน 2565)
• ต่อเนื่องด้วย “โครงการลมหายใจเพื่อน้อง” เพื่อช่วยเหลือเยาวชนจากวิกฤตการศึกษา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยเฉพาะเยาวชนช่วงชั้นรอยต่อ โดยช่วยเหลือเด็กและเยาวชนช่วงชั้นรอยต่อที่มีปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 กว่า 60,000 คน จาก 17,432 โรงเรียนทั่วประเทศ พร้อมจัดตั้ง “กองทุนแรกเริ่มศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในวิกฤตการศึกษา” งบประมาณ 20 ล้านบาท เบื้องต้นสามารถช่วยเหลือเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางสังคม อย่างน้อย 241 คน ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาในปี 2565 รวมสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชนภายใต้โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ทั้งสิ้น 171 ล้านบาท
• โครงการ “ลมหายใจเพื่อเมือง” สนับสนุนเป้าหมายของกรุงเทพมหานคร ในการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นโดย ปตท. จะร่วมปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น ในพื้นที่ของ ปตท. และพื้นที่ของ กทม. เป็นไม้ยืนต้น ไม้พุ่มอายุยาว และไม้เถาที่มีเนื้อไม้ เป็นพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ ต้นประดู่ป่า ต้นรวงผึ้ง ต้นไทรย้อยใบแหลม โดยนำร่องพัฒนาพื้นที่บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ปตท. ที่จะพัฒนาใช้ประโยชน์และมุ่งให้เกิดพื้นที่สีเขียวควบคู่กันต่อไปในอนาคต สอดคล้องกับนโยบายการเชื่อมโยงกับพื้นที่สีเขียวของ กทม. ทั้งนี้นอกจากจะปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของ ปตท. แล้ว ยังร่วมกับ กทม. ปลูกในพื้นที่สวนสาธารณะ อาทิ สวนจตุจักร สวนรถไฟ และอีกหลายพื้นที่ที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ กักฝุ่นและมลพิษ รวมทั้งยังเป็นการช่วยลดอุณหภูมิรอบพื้นที่ปลูก ให้ร่มเงา และเพิ่มความน่าอยู่ให้กับสังคมเมืองอีกด้วย
Future Energy เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า
• ปตท. ได้มีการขยายฐานการค้า LNG ส่งเสริมการเป็น Regional LNG Hub เพื่อมุ่งสู่การเป็น Global LNG Player
• รุกธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ โดยมี บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เป็นแกนหลัก ด้วยเป้าหมาย 12 กิกะวัตต์ในปี 2573 (ค.ศ.2030)
• จัดตั้ง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) เดินหน้าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร (EV Value Chain) โดยร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด(HORIZON PLUS) เพื่อขยายตลาดและสร้างฐานการผลิต EV ในไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลาง EV ในภูมิภาค และร่วมทุนกับ GPSC จัดตั้งบริษัท นูออโว พลัส จำกัด (NUOVO PLUS) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านแบตเตอรี่ของกลุ่ม ปตท. สนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในห่วงโซ่ธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Battery Value Chain) โดย ARUN PLUS ยังมีแผนจับมือกับพันธมิตรชั้นนำในการขยายสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion) ในทำเลศักยภาพ ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงให้บริการติดตั้ง EV Charger ในที่พักอาศัย
• จัดตั้งบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVME PLUS) เพื่อให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ส่งเสริมและสร้างระบบนิเวศธุรกิจให้เกิดการใช้ EV อย่างแพร่หลายในประเทศ อาทิ บริการให้เช่า EV บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานีอัดประจุไฟฟ้าฯ พร้อมขยายสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จของ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด (Swap & Go)
• จัดตั้ง บริษัท รี แอค จำกัด (ReAcc) ตัวแทนให้บริการซื้อขายด้านพลังงานสะอาดและความเป็นกลางทางก๊าซเรือนกระจกผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ช่วยสนับสนุนให้เกิดการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV และเพื่อสนับสนุนให้คนไทยเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาด สอดรับกับนโยบายภาครัฐสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) เพื่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย
Beyond เพื่อรุกธุรกิจใหม่ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย
• มีการเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามทิศทางโลก ด้วยการเข้าสู่ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) โดยมี บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยมุ่งเน้นดำเนินการลงทุนในธุรกิจยา ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ มีวิสัยทัศน์ก้าวขึ้นเป็นบริษัท Life Science ชั้นนำในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์อันเป็นเลิศ เพื่อส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง
• นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business) ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมี ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจน้ำมันและเสริมสร้างธุรกิจไลฟ์สไตล์ (Mobility & Lifestyle) เพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค
• ตลอดจนการเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน (Logistics & Infrastructure) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ รวมถึงการบริหารคลังสินค้า ควบคู่กับการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดย ปตท. มีเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน
• มุ่งสู่ธุรกิจระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI, Robotics & Digitalization) โดยร่วมกับกลุ่มมิตซุย ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัท พีทีที เรส จำกัด (PTT RAISE) เพื่อให้บริการด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ในภาคอุตสาหกรรม จัดตั้งบริษัท เมฆาเทคโนโลยี จำกัด (Mekha Tech) ให้บริการระบบ Public Cloud และจัดตั้งบริษัท ที-อีโคซิส จำกัด (T-ECOSYS) พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับภาคอุตสาหกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ระบบอัตโนมัติและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันสู่การเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจของผู้ประกอบการ
ในวันนี้ ปตท. ภายใต้การขับเคลื่อนของผู้ว่าโด่ง อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ จึงได้มุ่งมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ สร้างธุรกิจ New S-Curve เพื่อเป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ และเป็นส่วนร่วมนำพาประเทศไทยให้เดินหน้าได้อย่างแข็งแรง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร Powering Life with Future Energy and Beyond ที่มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
ปตท.กับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)
กลุ่ม ปตท. ตั้งเป้าหมายระยะสั้นถึงระยะยาว มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 15 ภายในปี2030 บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ
โดยมีกลยุทธ์ ตัวชี้วัด และแผนปฏิบัติการรองรับ พร้อมผนึกความร่วมมือจุดแข็งธุรกิจ กลุ่ม ปตท. โดยการจัดตั้งคณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์กลุ่ม ปตท. (PTT Group Net Zero Task Force หรือ G-NET) เพื่อกำหนดกลยุทธ์เชิงรุก มุ่งบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับบริบทของการดำเนินธุรกิจ ใน 3 แนวทางหลัก (3P) ได้แก่
➢ Pursuit of Lower Emissions การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด ผ่านโครงการสำคัญ เช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) ในพื้นที่บริเวณทะเลอ่าวไทย และพื้นที่บนฝั่งในภาคตะวันออกภายใต้ความร่วมมือ PTT Group CCS Hub Model ที่ระดมเทคโนโลยีของ กลุ่ม ปตท. เพื่อบริหารการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน การนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์สูงสุด (Carbon Capture and Utilization : CCU) ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อลดการปลดปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ การปรับปรุงกระบวนการผลิต และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงแยกก๊าซธรรมชาติ การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต รวมถึงการผลักดันการใช้พลังงานจากไฮโดรเจน เป็นต้น โดยวิธีการเหล่านี้จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึง ร้อยละ 30 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด
➢ Portfolio Transformation การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาดและการเติบใตในธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ซึ่งสอดคล้องตามการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ โดยกำหนดสัดส่วนเป้าหมายระยะยาว 10 ปี ที่ร้อยละ 32 ของงบประมาณการลงทุน การรุกปรับสัดส่วนการลงทุนจะเป็นกลไกสำคัญลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึงร้อยละ 50
➢ Partnership with Nature and Society การเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้อย่างน้อยร้อยละ 20 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมของ ปตท.
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ปตท. ได้อาสาฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมทั่วประเทศไปแล้วกว่า 1.1 ล้านไร่ปัจจุบันพื้นที่ป่าเหล่านี้ยังคงมีสภาพป่าสมบูรณ์กว่าร้อยละ 80 สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเปรียบเทียบการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ส่วนบุคคลเฉลี่ยปีละ 4.6 แสนคัน และปลดปล่อยออกซิเจนได้กว่า 1.55 ล้านตันออกซิเจนต่อปี อีกทั้งสร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของชุมชนได้มากถึง 280 ล้านบาทต่อปี
การดำเนินการภาคป่าไม้จึงเป็นอีกวิธีสำคัญ โดยกลุ่ม ปตท. มุ่งปลูกป่าเพิ่มเติม รวม 2 ล้านไร่ ภายในปี2030 แบ่งเป็นการดำเนินการโดย ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีสำรวจการเติบโตและวิเคราะห์ข้อมูลการดูดซับก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในอนาคตพื้นที่ป่าเหล่านี้จะมีศักยภาพช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้รวมกว่า 4.15 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และยังสร้างคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจชุมชน นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
“ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และศักยภาพการเป็นกำลังสำคัญเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ จึงมุ่งผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้เร็วกว่าเป้าหมายที่ประเทศกำหนด และแม้ว่าการบรรลุเป้าหมาย Net Zero จะมีความท้าทาย แต่กลุ่ม ปตท. เชื่อมั่นด้วยความพร้อม และทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน พร้อมสร้างคุณค่าต่อสังคม ชุมชนสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย และสังคมโลก ด้วยจุดมุ่งหมายภายใต้วิสัยทัศน์“Powering Life with Future Energy and Beyond“ ที่มุ่งขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต”
สุดท้ายนี้ขอชื่นชมและเอาใจช่วยให้ ปตท. บริษัทพลังงานสัญชาติไทยในการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ให้เดินหน้าไปถึงจุดหมายด้วยความสำเร็จและเป็นกำลังหลักในการช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าและแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่น้อยหน้าใคร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี