"สภาองค์กรของผู้บริโภค"ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพิกถอนมติ กสทช.กรณีควบรวมทรู-ดีแทค พร้อมขอให้ศาลสั่งเบรกการควบรวมทางธุรกิจเป็นการชั่วคราว ก่อนมีคำพิพากษา
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 10 พฤสจิกายน 2565 ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ คณะกรรมการบริหารสภาองค์กรของผู้บริโภค นำโดย น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภา น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการบริหารสภา และ น.ส.อารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภา พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริโภคผู้ใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู ดีแทด และเอไอเอส เดินทางมายื่นฟ้อง ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) และสำนักงาน กสทช.ต่อศาลปกครอง
เนื่องจากเห็น มติของ กสทช.ในการประชุม กสทช.นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่เห็นว่า การรวมธุรกิจระหว่างการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเช็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันตามข้อ 8 ของประกาศ กทช.เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาคหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ใช้บริการก่อนกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะ สร้างกระทบกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่มีจำนวนมากกว่า 118 ล้านเลขหมาย เพื่อให้เพิกถอนมติ กสทช , "รับทราบ" การรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเช็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค รวมทั้งได้ยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา
โดยขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งห้ามหรือระงับการกระทำและนิติกรรมที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องมติรับทราบการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทค ในการประชุม กสทช.นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ทั้งหมดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ตลอดจนขอให้ศาลมีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยดำเนินการชะลอหรือระงับการรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัทระหว่างทรูและดีแทคไว้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ชะลอหรือระงับการรับจดทะเบียนและการดำเนินการควบรวมบริษัททรูและดีแทคไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
นางสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการองค์กรผู้บริโภค กล่าวว่า วันนี้เดินทางมายื่นคำฟ้องเพื่อขอให้เพิกถอนมติ กสทช.ที่รับทราบการรวมธุรการระหว่างทรู และดีแทค เมื่อวันที่ 20 ต.ค.และคุ้มครองชั่วคราว ก่อนที่จะมีคำพิพากษา ซึ่งหวังว่าศาลปกครองกลางจะให้การคุ้มครองชั่วคราวก่อนที่มีคำพิพากษาเนื่องจากหากไม่มีการคุ้มครอง แล้วบริษัทไปดำเนินการเพื่อที่จะควบรวมก็อาจจะกระทบต่อนักลงทุนรายย่อย หรือผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เรียนว่าสิ่งที่เราอยากเห็นคืออยากให้ กสทช.ใช้อำนาจของตัวเองตามกฎหมายในการพิจารณาในเรื่องนี้ ไม่ใช่ดำเนินการในระดับรับทราบ จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันมากในกรณีฟุตบอลโลก 2022 ที่ กสทช.ไม่มีอำนาจแต่กลับใช้อำนาจของตัวเอง แต่ในกรณีนี้เป็นอำนาจของ กสทช.ตามรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจ กสทช.แต่พบว่า กสทช.ไม่ดำเนินการ แต่ดำเนินการในระดับรับทราบ และลงมติให้ควบรวมโดยเสียงที่ลงมติไม่ได้เด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการฟ้องคดีในครั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้นำรายชื่อผู้บริโภคจำนวน 2,022 ราย ที่ร่วมรณรงค์คัดค้านและสนับสนุนการฟ้องคดีดังกล่าวยื่นต่อศาลปกครองด้วย โดยมีสมาชิกเครือข่ายผู้บริโภค รวมทั้งมีผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงนักการเมือง และภาคธุรกิจ ประกอบด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร ของพรรคประชาธิปัตย์ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ อดีตประธานเครือข่ายนักธุรกิจเพื่อสังคม ฯลฯ มาให้กำลังใจด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี