ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดว่า ปี 2566 ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะอยู่ที่ 9.3 แสนคัน ปรับเพิ่มขึ้น 8.1% จากปี 2565ที่ประเมินว่ายอดขายจะอยู่ที่ 8.6 แสนคัน โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศโดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะขยายตัว 3.7% จากที่ขยายตัว 3.2%ในปี 2565 2.ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว คาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวไทยจำนวน 18.5 ล้านคน จากปี 2565 ที่เข้ามาจำนวน 9.5 ล้านคนในขณะที่แนวโน้มคนไทยเที่ยวไทยคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งหลังภาครัฐประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศสามารถกลับมาดำเนินได้ตามปกติ 3.ภาคเกษตรเติบโตต่อเนื่องคาดว่าในปี 2566 ราคาสินค้าเกษตรจะทรงตัวในระดับสูงและผลผลิตการเกษตรจะยังขยายตัวได้ดีเนื่องจากมีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับทำการเกษตร
4.เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) ที่มีความประหยัด ท่ามกลางแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง ประกอบกับมาตรการภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาทิ การลดอัตราหรือยกเว้นอากรขาเข้า การลดอัตราภาษีสรรพสามิตและการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อ เพื่อให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลง ทำให้กระตุ้นความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคมากขึ้น 5.ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ให้เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2565โดยมีสาระสำคัญในการควบคุมเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อ ซึ่งต้องคำนวณตามอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี(Effective Interest Rate) ได้แก่ รถยนต์ใหม่ต้องไม่เกินอัตรา 10% ต่อปีรถยนต์ใช้แล้วต้องไม่เกิน 15% ต่อปี และรถจักรยานยนต์ต้องไม่เกิน 23% ต่อปีจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อกระบวนการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มากขึ้น
ทั้งนี้ รถยนต์เชิงพาณิชย์ จะยังขยายตัวต่อเนื่องโดยได้รับอานิสงส์จากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและภาคเกษตรที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ในขณะที่รถยนต์นั่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าประเมินว่าจะขยายตัวสูงขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 12%ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในประเทศของปี 2566 จากที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 9.7% ในปี 2565 เนื่องจากตอบโจทย์ผู้บริโภคด้านความประหยัด รวมถึงมาตรการของรัฐในการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ทำให้หลายค่ายรถยนต์ทยอยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ออกมาจำหน่ายมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลงอันเป็นผลมาจากมาตรการของรัฐ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เอื้อมถึงได้
เมื่อพิจารณาแนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566 ในเชิงพื้นที่ คาดว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคกลาง มีแนวโน้มเติบโตได้ดีจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและภาคส่งออก สำหรับภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าจะทรงตัวตามแนวโน้มการเติบโตของภาคเกษตร สำหรับภาคใต้ยังต้องระมัดระวังด้านกำลังซื้อ เนื่องจากราคาพืชเกษตรหลักปรับลดลง ได้แก่ ยางพารา โดยมีการปรับลดลงเนื่องจากความต้องการยางพาราที่จะนำไปผลิตยางล้อรถยนต์ลดลงตามการชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ของโลก นอกจากนี้ยังมีปาล์มน้ำมันที่ปรับราคาลดลง เนื่องจากผลผลิตในประเทศปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงที่จะกระทบกับยอดขายรถยนต์ในประเทศในปี 2566 ประกอบด้วย 1.ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ค่าครองชีพของผู้บริโภคสูงขึ้นโดยดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (CPI) ในปี 2566 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 2.6% จากปี 2565 ที่ปรับเพิ่มไปแล้ว 6.2% ประกอบกับราคาน้ำมันที่คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงจะส่งผลทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถยนต์ใหม่ออกไปนอกจากนี้ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลทำให้ต้นทุนการขอสินเชื่อรถยนต์เพิ่มขึ้น 2.ปัจจัยด้านกำลังซื้อ ได้แก่ ระดับหนี้ภาคครัวเรือนในปี 2565 อยู่ในระดับสูงกว่า 88% ต่อจีดีพีส่งผลทำให้ความสามารถในการขอสินเชื่อของผู้บริโภคภาพรวมของประเทศลดลงและแนวโน้มราคารถมือสองคาดว่าจะปรับลดลงในปี 2566 เนื่องจากมีซัพพลายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปและเครื่องยนต์ไฮบริดออกมามากประกอบกับเทรนด์ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า(xEV) ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคจบางส่วนที่มีรถยนต์อยู่แล้ว แม้ถึงรอบที่ต้องเปลี่ยนรถใหม่ระมัดระวังการเปลี่ยนไปซื้อรถยนต์ใหม่มากขึ้นนับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี