กสทช. เดินหน้าประมูลสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในวันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2566 นี้ โดยอนุมัติผู้ผ่านคุณสมบัติเป็นผู้เข้าร่วมประมูล จำนวน 3 ราย
พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าในที่ประชุม กสทช. ได้มีมติเห็นชอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ประสบการณ์ และความสามารถทางด้านการเงินของผู้ขอรับอนุญาตสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (package) เพื่อเป็นผู้เข้าร่วมการคัดเลือก จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ บริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด ทำให้ทั้ง 3 บริษัทมีสิทธิที่จะเข้าร่วมประมูลในวันที่ 15 ม.ค.2566 เวลา 10.00 น. โดยจะมีการประมูลสาธิต (mock auction) ให้ผู้เข้าร่วมประมูลในวันที่ 14 ม.ค.2566 ที่ สำนักงาน กสทช.
ทั้งนี้กฎการประมูลจะมีการเปิดการประมูลทีละชุด (ลำดับชุดที่จะประมูล กสทช.จะกำหนดในวันประมูล) ผู้เข้าร่วมประมูลต้องเข้าร่วมประมูลไม่น้อยกว่าจำนวนชุดที่วางหลักประกัน และผู้เข้าร่วมประมูลจะไม่ทราบจำนวนชุดของผู้เข้าร่วมแข่งขันรายอื่นวิธีการประมูลแบบ Sequential Ascending Clock Auction เพื่อป้องกันการสมยอมกันระหว่างผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งการประมูลในลักษณะนี้จะทำให้เกิดการแข่งชันที่โปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด และตัดสินใจตามระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละรอบ (20 นาที) เร่งได้หากผู้ข้าร่วมทุกรายเห็นชอบเคาะหนึ่งครั้งจะทำให้ราคาสูงขึ้น 5/% ของราคาขั้นต่ำในแต่ละชุด โดยผู้ชนะคือผู้ที่ให้ราคาสุดท้ายสูงสุด โดยชำระตามราคาที่ผู้ออกจาการประมูลคนสุดท้ายเสนอราคาไว้ สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นหลังหักค่าใช้จ่ายในการประมูล กสทช.จะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด
อย่างไรก็ตามตั้งเป้าว่าจะสามารถประมูลได้อย่างน้อย 3 ชุด และแต่ละชุดจะสามารถประมูลได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และคาดว่าชุดที่ 3 น่าจะมีผู้สนใจเข้าประมูลมากที่สุด เนื่องจากตำแหน่งวงโคจร(องศาตะวันออก)ที่ 119.5 ข่ายงานดาวเทียม ราคาขั้นต่ำ 397,532,000 ล้านบาท โดย THACOMP1 จะสามารถใช้สิทธิได้ภายหลังวันสิ้นสุดอายุวิศวกรรมของดาวเทียมไทยคม 4 (ปี 2566) หรือตามที่ กสทช. กำหนด และการใช้งานข่ายงานดาวเทียม TH ACOMP3 ต้องไม่ก่อให้เกิดการรบกวนต่อการใช้คลื่นความถี่ของดาวเทียมไทยคม 4 จนกว่าจะสิ้นสุดอายุวิศวกรรม
ขณะเดียวกัน กสทช.ได้กำหนดให้ผู้ชนะการประมูลต้องมีหน้าที่จัดช่องสัญญาณสำหรับการให้บริการสาธารณะและประโยชน์ของรัฐโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในแต่ละชุดของข่ายงานดาวเทียมจำนวน 1 transponder กรณีดาวเทียม broadcast และจำนวน 400 Mbps กรณีดาวเทียม broadband ซึ่งหากเทียบกับสัมปทานเดิม รัฐได้รับทั้งหมดเพียง 1 transponder เท่านั้น ไม่ว่าจะมีดาวเทียมกี่ดวงก็ตาม รวมทั้งในชุดที่ 3 ยังเปิดโอกาสให้รัฐสามารถตั้งสถานีควบคุมบริหารจัดการดาวเทียมในส่วนที่รัฐรับผิดชอบได้ เป็นต้น โดย กสทช.พร้อมที่จะอนุญาตให้สิทธิดังกล่าวแก่หน่วยงานรัฐ หรือ NT โดยไม่ต้องประมูล เหมือนที่ กสทช.ได้สนับสนุนและอนุญาตให้สิทธิแก่กองทัพอากาศและสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เป็นต้น ส่วนกรณีการนำสิทธิไปใช้งานในเชิงพาณิชย์ กสทช.ต้องพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์วิธีการอนุญาต ให้เกิดการแข่งขันที่โปร่งใส เสรี และ เป็นธรรม
นอกจากนี้ชุดที่ 4 ตำแหน่งวงโคจร(องศาตะวันออก)ที่ 126 ก็เป็นที่น่าสนใจเพราะผู้ประกอบการรายย่อยหรือรายใหม่เข้าสู่การแข่งขันได้ง่าย เพราะราคาเริ่มต้นของชุดข่ายงานดาวเทียมนี้กำหนดเพียง 8,644,000 ล้านบาท แต่ข่ายงานดาวเทียม THAISAT-126 ยังต้องมี
การประสานงานคลื่นความถี่ในย่าน X ถูกจำกัดให้ใช้งานในกิจการด้านห้วามมั่นคง/ประโยซน์สาธารณะและในย่าน Ka (28 GH2) ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้คลื่นความถี่ร่วมกันกับกิจการอื่นตามที่ กสทช. จะกำหนดต่อไป
สำหรับกรณีข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการประมูลครั้งนี้ และให้ NT ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 60 บัญญัติให้ “รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน” นั้น กสทช. ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด จึงมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาต ให้สอดคล้องตามแผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม รวมทั้งตามนโยบายในการส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีและเป็นธรรมในการประกอบกิจการดาวเทียม ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่นำมาประมูลในครั้งนี้ เป็นการนำสิทธิที่ประเทศไทยมีอยู่เดิม และมีลักษณะการให้บริการในเชิงพาณิชย์ จึงได้ใช้วิธีการประมูลในการคัดเลือกผู้ขอรับการอนุญาต ซึ่งเป็นวิธีที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นกลไกในการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด ซึ่งหากยกเลิกการประมูลและให้ NTเป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ย่อมส่งผลกระทบ ขาดความต่อเนื่อง และอาจถูกเพิกถอนสิทธิจาก ITU ได้ กรณีที่ไม่สามารถส่งดาวเทียมได้จริง รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการแข่งขันในการให้บริการดาวเทียมในประเทศไทย กลับไปสู่การผูกขาด และขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 วรรค 2 ที่บัญญัติให้ “รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐหรือการจัดทำบริการสาธารณะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี