EXIM BANK ผนึก5พันธมิตร ยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราแข่งเวทีโลก

EXIM BANK ผนึก5พันธมิตร ยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราแข่งเวทีโลก

วันเสาร์ ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : EXIM BANK

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนาม พร้อมด้วยนายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นสักขีพยาน ระหว่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (สภาหอฯ) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในโครงการความร่วมมือเพื่อร่วมกันยกระดับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมยางพาราทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยนำร่องกับนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการนี้ว่ายอมรับราคายางพารายังผันผวน ด้านการตลาดต้องมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เอ็กซิมแบงก์ จึงพร้อมเติมทุนให้อุตสาหกรรมเกษตรแปรูป ขณะที่ บสย.พร้อมเข้ามาค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ คลังจึงพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายส่งเสริมภาคเอกชนยางพารา ผลักดันให้ไทยนับเป็นผู้ส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์อันดับหนึ่งของโลก อีกทั้งอุตสาหกรรมยางพารา โดยเฉพาะการผลิตในระดับต้นน้ำก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในประเทศจำนวนมหาศาล


ทั้งนี้ นับเป็นการสานพลังครั้งสำคัญระหว่างแบงก์รัฐ กับภาคอุตสาหกรรมไทยเพื่อแก้ปัญหาและยกระดับการพัฒนาสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา นำโดยสภาหอฯ และ สรท. กยท. และนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเพื่อนำร่องยกระดับการพัฒนาเกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้ายางพารา และเกิดการสร้างงาน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีเกษตรกรและผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องมากถึง 1.7 ล้านครัวเรือน หรือกว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ และยังสร้างรายได้เข้าประเทศ จากการส่งออกยางพาราแปรรูปขั้นต้นและการต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ยางพารา มุ่งส่งออกสูงถึงกว่าปีละ 6.8 แสนล้านบาท

นายอาคมกล่าวอีกว่าเนื่องจากมีการใช้ปัจจัยการผลิตในประเทศ (Local Content) สูงถึงกว่า 90% จึงกล่าวได้ว่า ยางพาราเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยสร้างและกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง โครงการดังกล่าวจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานของยางพาราและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง อันจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินและขยายธุรกรรมในอุตสาหกรรมให้ขยายตัว และมีส่วนสนับสนุนการเติบโตและการปรับตัวสู่เศรษฐกิจสีเขียวของภาคการผลิตและส่งออกยางพาราของประเทศไทยต่อไป โดยเฉพาะ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้มากขึ้น สะดวกขึ้นในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมยางพาราและที่เกี่ยวเนื่องให้สามารถเริ่มต้น เริ่มปรับตัวสู่เศรษฐกิจสีเขียวหรือขยายธุรกิจเชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลกได้ รวมถึงให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการอย่างครบวงจรท่ามกลางโอกาสและความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมของโลกและประเทศไทย

“ความร่วมมือในภาครัฐบาลคู่ขนานกับภาคเอกชนในครั้งนี้จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดในมิติต่างๆ ทั้งการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร โอกาสทางธุรกิจ และเงินทุนของผู้ประกอบการทั้งระดับนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา โดยเฉพาะ SMEsซึ่งเป็นคนตัวเล็กในโลกธุรกิจ โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจฐานรากและต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายอาคมกล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top