‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’กางแผนหลังควบรวม เริ่ม‘โรมมิ่ง’ลูกค้า 2 ค่ายได้เน็ตเร็วขึ้น
2 มีนาคม 2566 นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะกรรมการคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่าการรวมบริษัทระหว่าง TRUE และ DTAC เป็นการรวมศักยภาพจุดแข็งดีของทั้ง 2 บริษัท มุ่งสู่ผู้นำด้าน Telecom-TECH Company ชูแนวคิดชีวิตดีกว่า เมื่อมีกันและกัน (Better Together) ผสานพลังรวมกัน 1+1 เท่ากับ อินฟินิตี้ สร้างศักยภาพความเป็นไปได้ใหม่ที่ไม่รู้จบ ซึ่งการรวบบริษัทดังกล่าวจะทำให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจว่าจะมีการเงินที่แข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ผนึกรวมกัน (Best of Both) เพื่อขยายขนาด (Scale) และการส่งมอบคุณค่า (Value Creation) ที่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มขีดความแข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งจากองค์กรไทย คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างเทเลนอร์ กรุ๊ป
นอกจากนี้ บริษัทใหม่จะได้ประโยชน์จากการผนึกกำลังร่วมกัน (Synergy) ทั้งด้านการลงทุนและรายได้ ซึ่งจะขับเคลื่อนร่วมกัน อาทิ โครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เครือข่ายไอที การจัดซื้อ การขาย การตลาด ช่องทางการค้าปลีก และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยจะนำสู่สมดุลความเสมอภาคและความเท่าเทียมในการแข่งขัน และจะนำมาสู่ประโยชน์สูงสุดของลูกค้า
ขณะเดียวกันในการควบรวมดังกล่าวถือเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมูลค่าของกิจการ ทั้งนี้มูลค่าตลาดของทั้ง 2 บริษัทรวมกัน (Market Capitalization) ประมาณ 2.94 แสนล้านบาท โดยตามเงื่อนไขการควบรวมของสำนักคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) นั้น ทางบริษัทจะมีการรวมหนี้สิน ทรัพย์สิน จำนวนหุ้น แต่ยังคงดำเนินการทั้งสองแบรนด์ TRUE และ DTAC ตามปกติ อย่างไรก็ตามหลังจาก 3 ปี จึงจะมีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่ ซึ่งการควบรวมในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านธุรกิจ และการให้บริการโดยมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งสองแบรนด์ได้มากขึ้น พร้อมกับเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตได้เป็นอย่างดี ก้าวสู่ Digital Transformation นำเสนอเทคโนโลยี พร้อมกับมองว่าเป็นโอกาส New Ocean ของบริษัทเพราะลูกค้าคือคนสำคัญ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และจะมีการลงทุนทางด้านโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้หลังจากควบรวมแล้วสิ่งที่ผู้บริโภคที่ใช้งานทั้ง 2 เครือข่ายจะได้มีการใช้งานเครือข่ายที่ดีขึ้น เนื่องจาก TRUE มีคลื่นความถี่ที่ครอบคลุมทั้งย่านความถี่ต่ำ 700 MHz 850 MHz และ 900 MHz ที่มีความสามารถในการทะลุทะลวง ครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้าง ย่านความถี่กลาง 1800 MHz 2100 MHz 2300 MHz 2600 MHz ที่ให้ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ และย่านความถี่สูง 2600 MHz สำหรับใช้งานในภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันจะมีการทยอยนำเสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม ในแง่ของการขยายช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งฟรีคอนเทนต์ต่างๆ รวมถึงสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ทรู ออนไลน์ หรือคอนเทนต์ต่างๆ เพิ่มเติม และสิทธิพิเศษของ True ID และ dtac reward ด้วย
“ทั้ง 2 แบรนด์จะไม่มีการปรับขึ้นราคา และได้สิทธิประโยชน์ในการใช้งานเพิ่มเติมจากการรวมธุรกิจทันที อย่างไรก็ตามปัจจุบัน TrueMove H มีผู้ใช้บริการ 33.8 ล้านและ DTAC มีผู้ใช้บริการ 21.2 ล้านเลขหมาย พร้อมบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต TRUE มีผู้ใช้งาน 5 ล้านราย และTrueVision มีผู้ใช้งาน 3.2 ล้านราย เร่งขับเคลื่อนโทรคมนาคม-เทคโนโลยีสร้างระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจรสู่การสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเท่าเทียม” นายมนัสส์ กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทใหม่ดังกล่าวจะร่วมกับพันธมิตรระดมทุนจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.3 พันล้านบาท จัดตั้งกองทุน Venture Capital (VC) รวมทั้งจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมที่สนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลเพื่อวางรากฐานสำหรับผลักดันสู่อนาคตของสตาร์ทอัพไทยในระดับยูนิคอร์น ซึ่งพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและความเชี่ยวชาญที่พัฒนาจากเทเลนอร์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจระดับนานาชาติอีกด้วย
“สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลูกค้าดีแทคกว่า 21.2 ล้านราย จะสามารถเข้าถึงคลื่น 2600 MHz ทำให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต 5G ความเร็วสูงขึ้น และลูกค้าทรูมูฟ เอช 33.8 ล้านราย เข้าถึงคลื่น 700 MHz ที่ให้บริการ 4G/5G ซึ่งดีแทคปูพรมไว้ครอบคลุมทั่วประเทศ” นายมนัสส์ กล่าว
ด้านนายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าพันธกิจขององค์กรคือเร่งพัฒนาระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง สนับสนุนคนเก่งรุ่นใหม่ด้านดิจิทัล และการนำเสนอนวัตกรรมบริการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างสังคมที่เติบโตอย่างยั่งยืนมุ่งสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจ และก้าวสู่ความเป็นผู้นำในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมุ่งสู่ผู้นำด้านโครงข่ายอย่างแท้จริง โดยจะขยายโครงข่าย 5G ครอบคลุม 98% ของประชากร ในปี 2569 พร้อมพัฒนาและขยายเครือข่ายทั่วประเทศ ซึ่งตามรายงานโดยการวิจัยของ GSMA คาดว่า 5G จะช่วยผลักดันการเติบโตของ GDP ในประเทศไทยที่มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.7 แสนล้านบาท) ในปี 2573
ในส่วนการให้บริการทางบริษัทจะให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้สัญลักษณ์เครือข่าย dtac-True และ True-dtac บนหน้าจอมือถือ ซึ่งเป็นก้าวแรกในการพัฒนาคุณภาพสัญญาณโมบายล์อินเทอร์เน็ตด้วยการ “โรมมิ่ง” สัญญาณข้ามโครงข่าย เพื่อใช้งาน 5G และ 4G บนคลื่น 2600 MHz และ 700 MHz โดยลูกค้าดีแทคสามารถใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz และลูกค้าทรูสามารถใช้งาน 4G และ 5G คลื่น 700 MHz ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว ทั้งนี้จะขยายครบทั้ง 77 จังหวัดประมาณกลาง มี.ค.นี้
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ได้แก่ 1) TELENOR ASIA PTE LTD จำนวน 6,784,994,914 หุ้น คิดเป็น 19.64% 2)บริษัท ซิทริน โกลบอล จำกัด จำนวน 4,038,297,160 หุ้น คิดเป็น 11.69% 3)บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 3,390,081,179 หุ้น คิดเป็น 9.81% 4)CHINA MOBILE INTERNATIONAL HOLDINGS LIMITED จำนวน 2,698,330,341 หุ้น คิดเป็น 7.81% 5) CITRINE VENTURE SG PTE. LTD. จำนวน 1,853,030,287 หุ้น คิดเป็น 5.36% 6)บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด จำนวน 1,178,245,390 หุ้น 3.41% 7)UBS AG HONG KONG BRANCH จำนวน 1,103,697,787 หุ้น คิดเป็น 3.19% 8)CHINA MOBILE INTERNATIONAL HOLDINGS LIMITED จำนวน 906,565,523 หุ้น คิดเป็น 2.62% 9)บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จำนวน 825,973,207 หุ้น คิดเป็น 2.39% 10)CREDIT SUISSE AG SINGAPORE BRANCH จำนวน 757,962,909 หุ้น คิดเป็น 2.19%
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี