นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ว่าหลังจาก กนอ.ผลักดันการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมทรัพย์สาครที่จังหวัดสมุทรสาครแล้ว ยังออกประกาศเชิญชวนเอกชนเพื่อเสนอพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมทั่วไป และนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ร่วมกับ กนอ. ในพื้นที่เป้าหมาย 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาครและในพื้นที่อีอีซี 3 จังหวัดได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยองด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเปลี่ยนแปลงผังเมือง และขอเปลี่ยนแปลงรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ (พื้นที่เพิ่มเติม) ซึ่งเป็นผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการฯโดยเพิ่มการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมฯในลักษณะการร่วมดำเนินการกับภาคเอกชน และขยายผลการศึกษาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ไปยังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ นครราชสีมาภาคเหนือ คือ ลำพูน และภาคใต้ คือ สงขลาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคต่างๆ ของประเทศด้วย
สำหรับรูปแบบของการจัดตั้งนิคมฯแบ่งเป็น 7 รูปแบบ คือ 1.ใช้ที่ราชพัสดุในลักษณะร่วมดำเนินการกับ กนอ. 2.ประกาศเชิญชวนเอกชนมาร่วมลงทุน โดยใช้ที่ดินของเอกชนมาพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน และเปิดพื้นที่ให้สถานประกอบการเช่าใช้ประกอบการเป็นรายได้ตอบแทนให้กับเอกชนผู้ลงทุน 3.ใช้พื้นที่นิคมฯเดิมที่มีอยู่ โดยเปิดให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ว่างที่ยังเหลืออยู่และยังไม่มีผู้ประกอบการมาจับจอง 4.จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมภายในพื้นที่เรือนจำ โดยขอใช้ที่ดินราชพัสดุของเรือนจำซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ แต่ยังมีขนาดไม่เพียงพอที่จะจัดตั้งเป็นนิคมฯซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้ขอใช้ที่ราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ แล้วเชิญชวนเอกชนมาร่วมลงทุน
5.จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมการเกษตร โดยนำพื้นที่ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งเป็นนิคมฯ แต่สามารถพัฒนาพื้นที่เหลือใช้ของเรือนจำต่าง ๆ ให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยเน้นที่การพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ที่ใช้พื้นที่น้อยแต่มีมูลค่าสูง 6.จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมเชิงท่องเที่ยวและสุขภาพ โดยนำพื้นที่ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรม แต่มีศักยภาพมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และ 7.จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ในพื้นที่เอกชน ซึ่งอาจดำเนินการในลักษณะของบ้านกึ่งวิถี หรือสถานที่ พักพิงดูแลผู้ถูกคุมประพฤติในระหว่างพักการลงโทษ และลดวันต้องโทษในพื้นที่เอกชนได้โดยไม่จำเป็นที่รัฐจะต้องลงทุนเพิ่ม
หลักเกณฑ์และองค์ประกอบการจัดตั้งนิคมฯนั้น จะใช้การลงทุนร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้โดยพึ่งงบประมาณภาครัฐน้อยที่สุด การคัดเลือกผู้ประกอบการธุรกิจจะเน้นนวัตกรรม แรงงานใช้ฝีมือ รูปแบบธุรกิจสมัยใหม่เพื่อช่วยสร้างงานสร้างอาชีพสุจริตที่มีรายได้เพียงพอให้กับผู้พ้นโทษเป็นทุนตั้งต้น มากกว่าการจูงใจผู้ประกอบการโดยกดค่าจ้างแรงงานให้ต่ำ หรือใช้แรงงานไร้ฝีมือในสถานประกอบการ รวมทั้งจัดองค์ประกอบพื้นที่เพื่อฝึกตั้งแต่เป็นผู้ต้องขังภายในแดนควบคุม โดยกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จะเตรียมความพร้อมตั้งแต่การคัดกรองฝึกอาชีพผู้ต้องขังให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน พยายามส่งตัวผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดีต้องการประกอบอาชีพสุจริตให้ออกมาทำงานในพื้นที่นิคมฯ ผ่านการพักการลงโทษกรณีพิเศษ โดยอาจใช้อุปกรณ์ควบคุมตัวอิเล็กทรอนิกส์(EM)
“ผลการศึกษายังพบด้วยว่าหากเป็นการจัดตั้งนิคมฯในพื้นที่ซึ่งมีฐานอุตสาหกรรมและสิทธิประโยชน์ต่างๆ นั้นมีความน่าสนใจ หากสามารถเชิญชวนผู้ประกอบการมาลงทุนจนเต็มพื้นที่ จะมีรายได้จากการเช่าพื้นที่ประกอบการในระยะยาวเกินกว่าต้นทุนการดำเนินการของ กนอ.ด้วย โครงการนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการดูแลผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษ ให้กลับเข้าสู่สังคมได้อย่างแข็งแรง มีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว ลดการกลับมาทำผิดซ้ำได้” นายวีริศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี