nn พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม…กำลังปลื้มอกปลื้มใจกับการที่นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทย ถึงขั้นวาดฝันว่าสิ้นปีเม็ดเงินจะแตะถึง 6 แสนล้านบาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เข้ามารายงาน และช่วยให้นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ตามที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายไว้เห็นผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้นด้วย
ท่านนายกรัฐมนตรีครับตอนนี้ท่านรู้ไหมครับว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น...!! คุณบัณฑูรย์จุ้ยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจี สตีล จำกัด (มหาชน) และบริษัท จี เจสตีล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็น 2 ใน 6 ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรายสำคัญของประเทศ...บอกว่าบริษัทได้ร่วมจับมือกับ นิปปอนสตีล คอร์ป ในฐานะผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก โดยได้มีการลงทุนในบริษัทเหล็กทั้ง 2 บริษัทเป็นมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท เมื่อปี 2565 เพื่อเข้ามาพัฒนาธุรกิจเหล็กในประเทศให้เติบใหญ่ ด้วยการพัฒนายกระดับเหล็กให้มีคุณภาพแข่งขันได้และจะช่วยลดการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศได้ ที่สำคัญจะทำให้ต้นทุนรวมในการผลิตเหล็กต่ำลง...ซึ่งประเด็นสำคัญในการตัดสินใจลงทุนในไทยเพราะ นักลงทุนญี่ปุ่นเชื่อมั่นในประเทศไทยเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าในประเทศ รวมถึงไม่สนับสนุนการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากต่างประเทศ โดยมีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศอย่างจริงจัง…
แต่ขณะนี้ผลจากการที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน และ มี กรมการค้าต่างประเทศ ทำหน้าที่เลขาฯคณะกรรมการฯและดำเนินการ...ประกาศผลพิจารณาขั้นต้นให้ยุติการขยายเวลาการบังคับใช้การตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากประเทศบราซิล อิหร่าน และตุรกี ได้สร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากสินค้าจากทั้ง 3 ประเทศนี้แล้ว ขณะนี้ยังมีการพิจารณาต่ออายุมาตรการสินค้าทุ่มตลาดจากประเทศจีน และมาเลเซียด้วย โดยเฉพาะจากกรณีประเทศจีน ที่ทั่วโลกตระหนักดีว่าเป็นสาเหตุหลักของกำลังการผลิตส่วนเกินของโลก และมีการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กไปทั่วโลก รวมถึงมีพฤติกรรมการหลบเลี่ยงมาตรการโดยการเจือธาตุอัลลอยไม่ให้สินค้าอยู่ในพิกัดศุลกากรของมาตรการ AD ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน…
สินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตต่อเนื่องเพื่อเชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมที่สำคัญอื่นๆด้วย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมก่อสร้าง และหากผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจนต้องปิดกิจการไปจะส่งผลให้ความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานในประเทศที่ถูกทำลายไป และอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศจะไม่มีอำนาจต่อรองกับประเทศผู้ผลิตเหล็กต่างประเทศได้เลย...และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ กำลังทำอยู่ตอนนี้สวนทางกับทิศทางของทุกประเทศทั่วโลก...ที่ในช่วงปัญหาเศรษฐกิจโลกขณะนี้ประเทศต่างๆพยายามดูแลปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตน และมาตรการป้องกันการทุ่มตลาดก็เป็นการปฏิบัติที่สำคัญ โดยทั่วโลกมีการใช้มาตรการ AD เฉพาะสินค้าเหล็กมากถึง 503 มาตรการ และตัวอย่างประเทศทุ่มตลาดที่ยังถูกใช้มาตรการ AD สินค้าเหล็กได้แก่ จีน 149 มาตรการ ตุรกี 14 มาตรการ เป็นต้น
ย้ำว่าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนจากผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก (8 ประเทศ) จะกลับมาทุ่มตลาดไทยแน่นอนเมื่อไทยยุติ มาตรการ ซึ่งนั่นจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนญี่ปุ่น หรือแม้แต่นักลงทุนประเทศต่างๆ ที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องใช้เหล็กรีดร้อนเป็นวัตถุดิบจะต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน…!! ถ้ารัฐบาลไม่ตัดสินใจอย่างรอบคอบ ปล่อยให้ผู้นำเข้าชักจูงกระทรวงพาณิชย์ด้วยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนแบบนี้ต่อไป...ที่ท่านนายกฯฝันไว้เรื่องการลงทุนของต่างชาติ...ก็จะเป็นฝันค้าง...ซ้ำร้ายเขาถอนการลงทุนในไทยไปประเทศอื่นด้วย...!!ทีนี้ล่ะพังพินาศย่อยยับแน่...คนตกงานอีกนับล้านเลยทีเดียว....nn
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี