นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าภายหลังตรวจติดตามการจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์ ณ ร้านสมอ และร้านวัชรากร ย่านบางลำพู เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ว่า ทั้ง 2 ร้านได้เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน Black To School นำสินค้าเครื่องแบบนักเรียนมาลดราคาพิเศษ ซึ่งปีนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับผู้ผลิต จำหน่าย แพลตฟอร์ม รวม 26 รายนำสินค้าเกี่ยวกับนักเรียนกว่า 6,000 รายการมาลดราคาสูงสุด 85%
สำหรับปีนี้กรมฯ ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนตรึงราคาจำหน่ายออกไปก่อน เพื่อช่วยลดภาระผู้บริโภค ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งร้านสมอ และร้านวัชรากร ยืนยันว่าปีนี้จะไม่มีการปรับขึ้นราคาอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการระบุว่า ปัจจุบันได้รับความเดือดร้อนจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นนั้น กรมฯ คงจะต้องพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนเป็นรายตัว ว่าปัจจัยต่างๆ ปรับราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ หากราคาขึ้นๆ ลงๆ ก็อาจจะขอให้ตรึงราคาจำหน่ายออกไปก่อน โดยผู้ประกอบการต้องใช้วิธีลดค่าบริหารจัดการ เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนไปก่อน การปรับขึ้นราคาสินค้าเป็นแนวทางสุดท้ายที่จะดำเนินการ
จากการสำรวจราคาเครื่องแบบนักเรียนพบว่าราคาเสื้อนักเรียน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึงระดับมัธยมปลาย แล้วแต่ขนาด มีราคาเริ่มต้น 140-300 บาทต่อตัว, กระโปรง ราคา 218-300 กว่าบาทต่อตัว, ชุดลูกเสือ-เนตรนารี ราคาเฉลี่ย 600 บาทต่อชุด แล้วแต่ขนาด เซตอุปกรณ์ เช่น ผ้าพันคอ เข็มกลัด และหมวก ราคาประมาณ 300 บาทต่อเซต
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจการเตรียมความพร้อม พฤติกรรมในการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาเปิดเทอมใหญ่ปี 2566 ของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในวัยเรียน (ในปี 2566 คาดว่าจะมีนักเรียนระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวนประมาณ 10.4 ล้านคนเพิ่มขึ้นประมาณ 0.9% จากปี 2565) ส่วนใหญ่ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นมากนัก อีกทั้งรายได้ยังไม่เหมือนเดิม ขณะที่ภาระรายจ่ายในชีวิตประจำวันปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายรายวันสำหรับบุตรหลานไปโรงเรียน โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การใช้จ่ายเพื่อการศึกษาในช่วงเปิดภาคเรียนการศึกษาใหม่ปี 2566 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล น่าจะมีมูลค่าประมาณ 28,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5.0% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ปกครองกว่า 68.5% แสดงความกังวลต่อสภาพคล่องทางการเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ปี 2566 นี้ (ดีขึ้นเล็กน้อยจากผลสำรวจในปีที่ผ่านมา เนื่องจากกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อนปกติ ภาคธุรกิจบริการอย่างการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ทำให้รายได้ของประชาชนในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวดีขึ้น)กลุ่มที่มีความกังวลส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง (กลุ่มรายได้ต่ำกว่า 40,000 บาทต่อเดือน) และมีบุตรหลานในวัยเรียนมากกว่า 1 คน เนื่องจากการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นผู้ปกครองส่วนใหญ่เลือกที่จะรับมือกับปัญหาด้วยการประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายเพื่อการศึกษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี