นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการค้าชายแดนและผ่านแดน ประจำเดือนเมษายน 2566 และ 4 เดือนแรกปี 2566 ว่า การส่งออกของไทยในเดือนเมษายน 2566 มีมูลค่า 21,723.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 7.6% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัว 6.8% การนำเข้า มีมูลค่า 23,195.0 ล้านเหรียญ สหรัฐ หดตัว 7.3% ขาดดุล 1,471.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อคิดเป็นเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 737,788 ล้านบาท หดตัว 5.6% การนำเข้า มีมูลค่า 797,373 ล้านบาท หดตัว 5.4% ขาดดุล 59,584 ล้านบาท
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกกดดันอุปสงค์ด้านการส่งออก หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียยังคงเผชิญกับการส่งออกที่ชะลอตัว แม้ปัจจัยด้านเงินเฟ้อจะชะลอลง แต่ความเปราะบางของภาคธนาคารในสหรัฐฯและยุโรป กดดันให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวมากขึ้น โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงลดลง ตามความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาพลังงาน ตรงข้ามกับสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี ทั้งนี้การส่งออกผลไม้ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงข้าว ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกไปยังตลาดเป้าหมายขยายตัวในระดับที่น่าพอใจโดยเฉพาะตลาดจีน ที่เป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย กลับมาขยายตัวสูงถึง 23%
สำหรับภาพรวมการส่งออกไทยในช่วง 4 เดือนแรกปี 2566 มีมูลค่า 92,003.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 5.2% และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัว 2.3% การนำเข้า มีมูลค่า 96,519.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 2.2% ขาดดุล 4,516.0 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อคิดเป็นเงินบาท การส่งออก มีมูลค่า 3,110,977 ล้านบาท หดตัว 2.2% การนำเข้า มีมูลค่า 3,305,763 ล้านบาท ขยายตัว 0.8% ขาดดุล 194,786 ล้านบาท
นายกีรติกล่าวว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 8.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือนมาจากการขยายตัวของสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ ซึ่งขยายตัวถึง 23.8% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน โดยหดตัว 12.0% ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัว 11.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน ทั้งนี้การส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนใหญ่กลับมาหดตัว ตามการชะลอตัวของอุปสงค์จากประเทศคู่ค้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยตลาดหลัก หดตัว 6.2% โดยหดตัวในตลาดสหรัฐฯ 9.6% ญี่ปุ่น 8.1% อาเซียน 17.7% CLMV 17.0% และสหภาพยุโรป 8.2% อย่างไรก็ตามตลาดจีนกลับมาขยายตัว 23.0% ตลาดรอง หดตัว 14.9% โดยหดตัวในตลาดเอเชียใต้ 25.9% ตะวันออกกลาง 16.7% แอฟริกา 26.9% ลาตินอเมริกา 9.4% แต่ขยายตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย 4.4% ตลาดรัสเซียและกลุ่ม CIS 155.4% และสหราชอาณาจักร 49.0% และ 3.ตลาดอื่นๆ ขยายตัว 72.2% อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัว 77.9%
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป ประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้หลายประเทศยังคงใช้นโยบายการเงินอย่างเข้มงวดขณะที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ปัญหาวิกฤตการเงินของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ และยุโรป และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้การฟื้นตัวของตลาดจีนที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เป็นสัญญาณบวกต่อการส่งออกไทย ขณะที่ปัญหาความมั่นคงทางอาหารเกิดขึ้นในหลายประเทศที่ประสบปัญหาภัยแล้งจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในปี 2566 นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี