กองทุน ววน. มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย สร้างรายได้ พลิกฟื้นท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพ

กองทุน ววน. มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย สร้างรายได้ พลิกฟื้นท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพ

วันอังคาร ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 20.20 น.

กองทุน ววน. มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย สร้างรายได้ พลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพ

สกสว. บพข. จับมือผู้ประกอบการ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ลงนาม MOU ขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยงานวิจัยท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มุ่งสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยสู่มาตรฐานในระดับสากล หนุนเพิ่มรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน


เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566, ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และประธานอนุกรรมการแผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. ในฐานะผู้แทนผู้อำนวยการ สกสว. ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สมาพันธ์สมาคมสปาแอนด์เวลเนสไทย สมาคมสปาไทย และ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เข้าร่วมในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้านอุตสาหกรรมบริการสปาไทย ด้วยงานวิจัยการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ณ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

 

ศ.ดร.วิภาดา คุณาวิกติกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์สุขภาพและรักษาการคณบดี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ ว่า เป็นการจัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้านอุตสาหกรรมบริการสปาไทย ด้วยงานวิจัยการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อการพัฒนากรอบแนวคิดการวิจัยให้สอดคล้องกับความต้องการด้านอุตสากรรมการท่องเที่ยวของประเทศ รวมถึงสนับสนุนด้านการพัฒนาระบบการจัดการงานวิจัย และสร้างความสามารถในการแข่งขันในอุตสากรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการบริการสปาอย่างเป็นระบบ และนำผลจากการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในมิติต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกิดจากการความร่วมมือระหว่าง ผู้ประกอบการ สมาคม สมาพันธ์ ชมรมและนักวิชาการภายใต้การสนับสนุนจากแหล่งทุน ภายใต้ธีม Working together to foster wellness for All

 

ด้าน รศ. ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวถึงความสำคัญในการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เกิดการสนับสนุนการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเที่ยวสุขภาพ ซึ่ง Wellness economy จะประกอบไปด้วยหลายภาคส่วน อันดับแรก คือ การท่องเที่ยว เป็นการเชื่อมโยงร่วมกับสุขภาพ รวมทั้งในด้านของกีฬา ความบันเทิง การพักผ่อนหย่อนใจ อาหาร ซึ่งประเทศไทยมีความโดดเด่น เพราะทั้งหมดนี้ล้วนมาจากภูมิปัญญาของคนไทยทั้งสิ้น ฉะนั้น การพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ จึงมีความสำคัญอย่างมาก และด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะทำให้สามารถพัฒนาไปสู่การเป็น เป็น Service base economy หรือ การมุ่งสู่การเป็นภาคบริการ ที่เข้ามาช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย นั่นเอง พร้อมทั้งตั้งเป้าไปสู่ระดับ Innovation economy ในอนาคตอีกด้วย

 

ขณะที่ ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช กล่าวว่า สกสว. ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จึงได้บรรจุแผน “การพัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยวโดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เน้นคุณค่าสร้างความยั่งยืนและสร้างรายได้ของประเทศ” ให้เป็นแผนงานสำคัญของแผนด้าน ววน. มุ่งเน้นให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพเพิ่มสูงขึ้น ใช้ผลงานวิจัยองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจจากท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นหนึ่ง ในผลสัมฤทธิ์สำคัญที่ถูกระบุไว้ในแผนด้าน ววน.

“ทั้งนี้ สกสว. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาคีเครือข่ายความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการบริการสปาด้วย ววน. เพื่อให้เกิดการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีประสิทธิผล สามารถยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการบริการสปา และที่สำคัญ คือ การสร้างรายได้ ช่วยพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพและยั่งยืน” ผศ.สุภาวดี กล่าวทิ้งท้าย

 

รศ. ดร.สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการ บพข. กล่าวเสริมว่า บพข. ไม่ได้มีหน้าที่เพียงสนับสนุนทุนวิจัยเท่านั้น แต่ให้ทุนอย่างมีจุดมุ่งหมาย ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้แผนการสนับสนุนทุนวิจัยเปลี่ยนไป โดยหันมาให้ความสำคัญด้านการวิจัยท่องเที่ยวมูลค่าสูง และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้น โดยเชื่อว่า เมื่อภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกัน ทำให้อุตสาหกรรมเกิดขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน จะสามารถช่วยให้การประกอบการด้านนี้มีมูลค่าสูงขึ้น และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน

 

ด้านผู้ประกอบการ คุณสุนัย วชิรวราการ นายกสมาคมสปาไทย เปิดเผยว่า พันธกิจของสมาคมมุ่งเน้นพัฒนาสปาไทยที่สามารถแข่งขันถึงระดับโลก โดยเน้นความสร้างสรรค์และความยั่งยืน ได้มีการผสมผสานทั้ง 4 เรื่องเข้ากับความเป็นไทย คือ 1.เทคโนโลยี 2.สมุนไพร 3.โหราศาสตร์ และ 4.การดูแลสุขภาพจากภายใน เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน โดยขอเป็นส่วนหนึ่งของผู้ประกอบการในการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ให้สามารถแข่งขันในระดับโลกได้

 

คุณชวนัสต์  สินธุเขียว ประธานสมาพันธ์สมาคมสปาแอนด์เวลเนสไทย กล่าวเสริมว่า ด้วยงานวิจัยและองค์ความรู้จากนักวิจัยต่าง ๆ ทำให้คนเข้าใจเรื่องของ Wellness มากขึ้น และจากโรคระบาด โควิด-19 ทำให้เกิดการตระหนักถึง Wellness tourism มากขึ้น และเกิดเป็นความร่วมมือบูรณาการให้เกิดโปรแกรมการท่องเที่ยวใหม่ ๆ และในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ จะมีการจัดงาน Expo Osaka Kansai โดยสิ่งที่ประเทศไทยจะนำไปเสนอได้นั้น ก็คือ Soft power ภายใต้สปาไทย การแพทย์แผนไทย และสมุนไพรไทย นั่นเอง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top