นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำ เดือนเมษายน 2566 มีมูลค่า 450.81 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 28.85% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการส่งออกภาพรวมที่ลดลงและยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญหลายประเทศชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อในบางประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง และผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้มีความต้องการสินค้าในกลุ่มนี้ลดลง แต่หากรวมทองคำ มีมูลค่า 1,265.56 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.29% และรวม 4 เดือน ของปี 2566 (มกราคม-เมษายน) การส่งออก ไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 2,667.22 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 5.35% และรวมทองคำ มูลค่า 5,390.94 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 18.01%
สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ พบว่า มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยสหรัฐฯ ลดลง 10.58% เยอรมนี ลด 20.53% สหราชอาณาจักรลด 20.45% เบลเยียม ลด 16.00% อินเดีย ลด 69.94% ญี่ปุ่น ลด 3.93% แต่อิตาลี เพิ่ม 61.47% ฮ่องกง เพิ่ม 169.19% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 43.62%
ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญ มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยเครื่องประดับทอง เพิ่ม 48.50% เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 24.37% พลอยก้อน เพิ่ม 28.26% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 89.92% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 124.46% ส่วนเครื่องประดับเงิน ลด 21.13% เพชรก้อน ลด 19.74% เพชรเจียระไน ลด 35.56% เครื่องประดับเทียม ลด 14.77% เศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำด้วยโลหะมีค่า ลด 33.55% และทองคำ ลด 32.64%
นายสุเมธกล่าวว่า ปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจากนี้ไป ต้องจับตาเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณชะลอตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 และครึ่งปีหลังอาจฟื้นตัวได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯมีวิกฤตสถาบันการเงิน อัตราว่างงานเพิ่ม ทำให้การปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มเข้มงวดมากขึ้น และกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนยูโรโซน ได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง และจีน ที่มีการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับ
สำหรับแนวทางในการปรับตัวผู้ประกอบการควรหาโอกาสกระจายตลาดให้มีความหลากหลาย ลดการพึ่งพาตลาดหลักเพียงแห่งเดียวมากเกินไป โดยตะวันออกกลาง เป็นภูมิภาคที่น่าสนใจในการทำตลาด ทั้งยังต้องรักษาแนวทางการทำตลาดออนไลน์ไว้ให้ต่อเนื่อง เพราะธุรกิจอี-คอมเมิร์ซยังสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้นโดยแนวทางการทำตลาดด้วยกลยุทธ์ Go Green Go Fast และ Go First คือ เน้นการรักษ์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีกลยุทธ์ที่รวดเร็วฉับไวในการตอบโจทย์ผู้บริโภค และเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ หรือมีผลิตภัณฑ์ในไลน์สินค้าใหม่ ก่อนคู่แข่งจะเป็นแนวทางที่เข้ากับตลาดในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี