นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) เปิดเผยว่า บริษัทมีทิศทางผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง มาจากการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการ และการผสานความแข็งแกร่งในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดของดีแทคและทรู โดยหลังจากควบรวมกันมา 4 เดือน การดำเนินการตามแผนการควบรวมยังเป็นไปตามแผน พร้อมทั้งได้เริ่มทยอยรับรู้ผลประโยชน์แบบรวดเร็วจากการควบรวม อีกทั้งการพัฒนาของเศรษฐกิจมีทิศทางเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ ในขณะที่การแข่งขันในตลาดทรงตัว ในไตรมาส 2/2566
โดยบริษัทได้เสร็จสิ้นกระบวนการคัดเลือกพันธมิตร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และประสบความสำเร็จในการแต่งตั้งผู้ดำเนินการแผนรวมโครงข่าย (RFP) นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์ในการประหยัดต่อขนาดที่มากขึ้น (Larger Economies of Scale) ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพของการลงทุนและประหยัดได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ภายหลังการควบรวมกิจการลูกค้าดีแทคและทรูได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายนำไปสู่การเติบโตของการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวเนื่อง (cross-selling) ในแต่ละเดือน โดยการให้บริการครอบคลุมระบบนิเวศของโซลูชั่น ทำให้ลูกค้าภักดีอยู่กับแบรนด์เพิ่มขึ้น (Customer Loyalty) ทำให้เพิ่มโอกาสในการรับรู้รายได้
ทั้งนี้ไตรมาส 2/2566 มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 29 ล้านราย ได้รับประโยชน์จากความหลากหลายของคลื่นความถี่ เครือข่ายที่กว้างขึ้นและได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นจากการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ จากการพัฒนาเครือข่ายดังกล่าวผู้ใช้ดีแทคได้ใช้บริการ 5G เร็วขึ้น 2.3 เท่า และมีการใช้งาน 5Gสูงขึ้น 12% โดยไตรมาส 2/2566 มีรายได้จากบริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จำนวน 39,431 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% อัตรากำไร (EBITDA) อยู่ที่ 22,320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% อัตรากำไร (เมื่อเทียบกับรายได้รวม) อยู่ที่45.4% ขาดทุนสุทธิ จำนวน 2,320 ล้านบาท
ในขณะที่ ทรู ดิจิทัล โซลูชั่น ได้นำเสนอโซลูชั่นและบริการต่างๆ ผ่านการขยายผลิตภัณฑ์และบริการไปยังฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น ทั้งลูกค้า B2B และ B2C โดยทรู ดิจิทัล โซลูชั่น ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มไชน่า โมบายล์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะระดับโลก ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อระหว่างเซ็นเซอร์ อุปกรณ์อัจฉริยะ เครื่องจักร การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ (Machine-to-Machine - M2M) บนเครือข่ายทรู 5G อย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรม
นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(TRUE) กล่าวว่า ดีแทคและทรูเป็นแบรนด์ผู้ให้บริการมือถือที่แข็งแกร่ง โดยยังคงเป็นผู้นำในการให้บริการซิมสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว ซึ่งออกแบบการให้บริการโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการนำเสนอคอนเทนท์ความบันเทิง และการใช้งานโซเชียลมีเดีย พร้อมกับข้อเสนอต่างๆ ที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ยอดการทำธุรกรรมภายใต้โปรแกรมสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแนวคิด “ชีวิตดีกว่า เมื่อมีกันและกัน” (Better
Together) ส่งผลให้การรักษาลูกค้ากลุ่มที่ใช้บริการแพ็กเกจที่มีอัตราค่าบริการในระดับสูง (high-tier) เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
โดยไตรมาส 2/2566 บริษัทมีฐานผู้ใช้งานดิจิทัลสูงถึง 14 ล้านราย มีผู้ใช้บริการมือถือเพิ่มขึ้น 659,000 หมายเลข ทำให้มียอดลูกค้ามือถือรวม 51.1 ล้านหมายเลข เพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสที่ผ่านมา มีผู้ใช้งาน 5G ถึง 8.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสที่ผ่านมาโดยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการใช้งานและการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย ARPU (รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้) 10-15% สาเหตุหลักมาจากการจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารพร้อมบริการ ทั้งนี้สิ้นไตรมาส 2/2566 การให้บริการ 4G ครอบคลุม 99% ของประชากร และ 5G ครอบคลุม 90% ของประชากร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี