นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทเดือนก.ค. 2566 อยู่ที่ 149,709 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 4.72% เนื่องจากการผลิตเพื่อการส่งออกอยู่ที่ 86,552 คัน เพิ่มขึ้น 9.48% ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก 7 เดือนของปีนี้(ม.ค.-ก.ค. 2566) อยู่ที่ 617,207 คัน เพิ่มขึ้น11.72% โดยการผลิตเพื่อการส่งออกคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ ขณะที่ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 63,157 คัน ลดลง 1.16%และ 7 เดือนอยู่ที่ 454,014 คัน ลดลง 11.28%
ทั้งนี้ภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ 7 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค. 2566) อยู่ที่ 1,071,221 คันเพิ่มขึ้น 0.66% ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่ไม่สูงนัก เนื่องจากการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศยังคงไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายมีส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น
“ขณะนี้ ต้องติดตามยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเข้มงวดขึ้น และทำให้ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ลดลงหรือไม่จากก่อนหน้านี้ ส.อ.ท.ได้ปรับเป้าหมายยอดรผลิตรถยนต์ลง 50,000 คัน จากเดิมตั้งเป้าหมายยอดผลิตรวมอยู่ที่ 1,950,000 คัน เหลือ 1,900,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงเหลือ 850,000 คัน จากเดิมคาดไว้ที่ 900,000 คัน ขณะที่ยอดผลิตเพื่อการส่งออกคงเดิม 1,050,000 คัน ซึ่ง ส.อ.ท.หวังว่ารัฐบาลจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ช่วยฟื้นยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นได้” นายสุรพงษ์ กล่าว
สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนก.ค. 2566 อยู่ที่ 58,419 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.77% เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะบรรทุกจากหนี้ครัวเรือนของประเทศที่สูง และอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น ทำให้อำนาจซื้อลดลง รวมทั้งการส่งออกของสินค้าหลายอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกัน ทำให้การทำงานล่วงเวลาลดลงรายได้ของคนทำงานจึงลดลงตามไปด้วย เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวส่งผลให้ภาพรวม 7 เดือน ยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 464,550 คัน ลดลง 5.45% ขณะที่ การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนก.ค. 2566 อยู่ที่ 108,052 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.05% เพราะประเทศคู่ค้ายังนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจที่เติบโต การส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดอเมริกาเหนือที่ลดลง ส่งผลให้ 7 เดือนของปีนี้การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 636,868 คัน เพิ่มขึ้น 19.55% มูลค่าการส่งออก 396,769.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.52%
“ขณะที่เราได้รัฐบาลใหม่แล้ว ซึ่งทุกพรรคได้เคยหาเสียงที่จะลดรายจ่ายประชาชนทั้งค่าไฟ ค่าโดยสารการเดินทาง ฯลฯ จึงอยากให้รัฐบาลดูแลค่าครองชีพ ราคาอาหารแพงขึ้นแล้วไม่ลง ดึงการลงทุนให้ยังคงเชื่อมั่นว่าจะสร้างการเติบโตและจะมีการส่งเสริมให้ต่อเนื่อง ทำให้เกิดการจ้างงานต่อเนื่องเช่นกัน รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในระยะที่ 2 หรือ EV 3.5ก็ต้องการให้นำกลับมาอนุมัติด่วนเพราะ EV 3.0จะสิ้นสุดเดือนธ.ค.นี้ เพื่อให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยต่อเนื่องมากขึ้น รวมถึงแบตเตอรี่ และชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อผลักดันไทยก้าวสู่ฮับในภูมิภาคอาเซียน” นายสุรพงษ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี