6 ข้อควรรู้ในการทำ SEO จาก Team Digital

ว่ากันว่าการจะส่งสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายในยุคปัจจุบันที่รอบตัวเต็มไปด้วยดิจิตอล แน่นอนว่าการตลาดออนไลน์เป็นสิ่งที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก ทำให้การเขียนบทความลงเว็บไซต์เองก็มีการทำตลาดเช่นกัน โดยที่นักเขียนเองแทบไม่ต้องลงทุนด้วยเม็ดเงิน แต่กลับต้องลงทุนด้วย 1 สมอง 2 มือ ที่คิดคอนเทนต์การเขียนให้ปัง ด้วยหลักการเจาะเป้าหมายด้วยการทำ SEO การตลาดยุคใหม่ที่ควรรู้เท่าทัน ซึ่งทาง Team Digital สถาบันอบรมการตลาดออนไลน์ได้สรุป 6 เทคนิคควรรู้ก่อนลงมือทำ SEO มาแนะนำ ดังนี้

6 เทคนิคควรรู้ก่อนลงมือทำ SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการทำตลาดบนเว็บไซต์ผ่านความต้องการของกลุ่มคนที่ต้องการทราบเรื่องนั้น ๆ ผ่านช่อง Search Engine โดยข้อควรรู้ก่อนที่จะลงมือทำบทความผ่านหลักการ SEO เพื่อช่วยเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพดันให้เราติดอันดับหน้าแรกบน Google บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมือใหม่แน่นอน

1. เอาใจ Google ด้วยความยาวบทความน่าอ่าน ไม่สั้น ไม่ยาว จนเกินไป

การลงมือทำ SEO ไม่ควรใจร้อน เพราะการตลาดที่ Google จะวัด ใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน เพื่อให้รู้ว่าหน้าเว็บของเรามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ดังนั้นหน้าเว็บของเราควรมีทั้งตัวอักษรที่มากเพียงพอ ไม่น้อยกว่า 700 คำ หรือ 1000 คำ กำลังพอดี และควรมีรูปภาพประกอบด้วย

2. เลือกคีย์เวิร์ด และคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องมาใส่ให้ดูเป็นธรรมชาติ

ต้องบอกก่อนเลยว่าการเขียนบทความ SEO สักหนึ่งคอนเทนต์ขึ้นมา เรามักใช้คีย์เวิร์ดที่ซ้ำกับคนอื่นแน่นอน แต่ทั้งนี้การจะให้บทความของเราเป็น 1 ใน 10 เว็บหลักของหน้าฟีดแรก Google ก็มักเป็นได้ยาก แต่อย่าท้อไป ให้ลองเพิ่มจำนวนคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง (Related Keywords) และปรับรูปแบบคำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

3. หมั่นผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และรออย่างใจเย็น

อย่างที่บอกไปว่าการทำ SEO มันมีระยะเวลาของมัน หรือ Long-Term Marketing โดยใช้ระยะเวลาถึง 4-6 เดือน เพื่อให้ Google ได้มองเห็นศักยภาพของเว็บไซต์เรา ว่ามีประสิทธิภาพหรือเปล่า มีความสม่ำเสมอของการลงบทความหรือไม่ ส่งผลให้ภาพรวม Traffic ค่อย ๆ ดีขึ้น เพื่อไต่ขึ้นอันดับบนหน้า Google นั้นเอง

4. เพิ่มความน่าเชื่อถือ ด้วย Backlinks ที่มีคุณภาพ

การเขียนบทความสักหนึ่งคอนเทนต์ในเชิง SEO มักสอดแทรกลิงค์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น Internal Link & External Link ซึ่ง Backlinks ที่ดีคือลิงค์จากเว็บไซต์ที่ได้รับการยอมรับจาก Google ว่ามีเนื้อหาเชื่อถือได้ และมีคุณภาพ เช่น เว็บไซต์ข่าว, เว็บไซต์ราชการ และเว็บไซต์เพื่อการศึกษา เป็นต้น

5. เว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว คล่องตัว ไม่รอนาน

ความเร็วของ Page Speed ควรอยู่ที่ 60% หรือระยะเวลา 3 วินาที ไม่ควรมากไปกว่านี้ เพราะอาจจะทำให้คนเปลี่ยนใจไปเข้าเว็บไซต์อื่นแทน และยังบ่งบอกถึงการจัดการในเว็บไซต์อีกด้วย เช่น รูปมากเกินไป, ไฟล์ใหญ่ไป หรือแทรกลิงค์วิดีโอมากเกินไป ทำให้เว็บไซต์ต้องใช้เวลาโหลดเนื้อหานาน แต่แม้บางเว็บไซต์จะมีความเร็ว Page Speed ที่ 100% ก็ไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นั้นจะติดหน้าฟีด 1 ใน 10 อันดับแรก เพราะมีปัจจัยอื่นที่ Google ต้องเอามาพิจารณาด้วย

6. ควรมี Brand Awareness ควบคู่กับการทำ SEO

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันจะหันไปทางไหน ธุรกิจอะไรคู่แข่งก็เยอะขึ้นเกือบทุกปี ดังนั้นการที่เราทำ SEO ควรจะมีการสร้าง Brand Awareness ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์ของเราจากหลาย ๆ ช่องทางจนเกิดความน่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตามการเขียน SEO เพื่อให้มีประสิทธิภาพตามความต้องการของ Google นั้น เรามักไม่มีทางรู้เลยว่า Google ต้องการสิ่งไหนกันแน่ แต่สิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามในการทำ SEO เลย คือ ความสม่ำเสมอ การหา Keyword ให้กับบทความ การคิดคอนเทนต์ใหม่ๆอยู่เสมอ เพื่อให้ยอด Traffic ขึ้นในช่วง 4-6 เดือน ทั้งนี้ผิดถูกอยู่ที่ลงมือทำ และศึกษาข้อมูลอยู่เสมอ

ข้อมูลจาก : https://www.teamdigital.co สถาบันอบรมการตลาดออนไลน์ คอร์สเรียน SEO เพื่อเว็บไซต์ติดอันดับบน Google : https://www.teamdigital.co/สอน-seo/