นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงการประชุม 4 หน่วยงานหลักทางการเงินการคลัง ประกอบด้วย สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่ามีการได้ทบทวนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 3,480,000 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 130,000 ล้านบาท จากเดิม3,350,000 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2566 เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) ฉบับทบทวน ที่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ วงเงินที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากประมาณการรายได้เพิ่มขึ้น30,000 ล้านบาท จะนำไปใช้จ่ายเป็นเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และประมาณการขาดดุล เพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาทเพื่อรองรับการดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล และเพื่อดำรงสัดส่วนทางการคลังต่างๆ ให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง
นายเฉลิมพล กล่าวอีกว่าวงเงินที่ทบทวนใหม่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (วงเงิน 3,185,000 ล้านบาท) จำนวน 295,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.3% โดยเป็นประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ 2,787,000ล้านบาท และ เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล 693,000 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ.2566 (695,000 ล้านบาท) จำนวน 2,000 ล้านบาท หรือลดลง 0.3% ภายใต้สมมุติฐานทางเศรษฐกิจในปี 2567 ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 2.7-3.7% และอัตราเงินเฟ้อ 1.3-2.3%
ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังคงเป็นการดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนต่างๆ รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 รวมทั้งเร่งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม การสนับสนุนการศึกษาและการพัฒนาแรงงานที่ตรงกับความต้องการของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา
“สำนักงบฯ จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวันที่ 18 ก.ย. 2566 และให้ทุกกระทรวงทำคำของบประมาณกลับมาส่งสำนักงบฯ ภายในวันที่ 6 ต.ค. และทางสำนักงบฯ จะขอเวลา พิจารณา 35 วันก่อนที่นำเข้าสู่ที่ประชุมสภา และคาดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในวันที่ 17 เม.ย. 2567”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี