นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนสิงหาคม 2566 มีทั้งสิ้น 150,657 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว 12.27% เพราะผลิตรถกระบะเพื่อขายในประเทศที่ลดลงจากเดือนสิงหาคมปีก่อนถึง 41.65% ตามยอดขายในประเทศที่ลดลงตั้งแต่ต้นปี และปีที่แล้วเดือนสิงหาคมเริ่มได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นมาก จึงผลิตได้มาก ฐานปีที่แล้วจึงสูง ส่งผลให้ส.อ.ท.จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อีก 1 เดือนหากไม่ดีขึ้นอาจจำเป็นต้องปรับเป้าหมายการผลิตปี 2566 ลดลงจากเดิมที่วางไว้ 1,900,000 คัน ขณะที่ สำหรับจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,221,878 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2565 ประมาณ 3.13%
ส่วนเป้าหมายการผลิตที่ตั้งไว้ปี 2566 จำนวน 1,900,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 850,000 คันผลิตเพื่อส่งออก1,050,000 คัน ซึ่งหากพิจารณายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเดือนส.ค. 2566 อยู่ที่ 60,234 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.69% เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากภาระหนี้ครัวเรือนของไทยยังคงสูงขึ้นส่งผลให้ 8 เดือนแรกปีนี้มียอดขาย 524,784 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.21% ดังนั้น เป้าหมายผลิตเพื่อจำหน่ายมีแนวโน้มไม่ถึงเป้าที่วางไว้ 850,000 คัน แต่จะมากน้อยเพียงใดคงจะต้องดูมาตรการภาครัฐที่เริ่มกระตุ้นการลดค่าครองชีพประชาชนทั้งค่าไฟ ราคาน้ำมันและอื่นๆ
“การผลิตเดือนที่เหลือของปีนี้ หากอยู่ในระดับเดียวกับส.ค.2566 เฉลี่ย 150,657 คัน ก็คงไม่ถึงเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1,900,000 คัน โดยหลักๆมาสัดส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศส.ค. 2566 คิดเป็น 41.15% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.20% ส่วน 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค. 2566) ปีนี้มีสัดส่วน 42.23% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.25% ขณะที่สัดส่วนผลิตเพื่อส่งออก 8 เดือนแรกคิดเป็น 57.77% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10.26%” นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปส.ค. 2566 อยู่ที่ 87,555 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 19.41% จากการส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ส่งผลให้ 8 เดือนแรกปีนี้ส่งออกได้ 724,423 คัน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 19.53% มีมูลค่าการส่งออก 456,983.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.18% เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วการส่งออกยังคงมีทิศทางที่ดีอยู่จึงมั่นใจว่าทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ว่าจะส่งออกได้ 1,050,000 คัน
ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าเดือนสิงหาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 9,076 คัน เพิ่มขึ้น 293.92% โดยเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 6,594 คัน ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปีนี้ มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 59,025 คัน เพิ่มขึ้น 433.05% ดังนั้น จึงอยากเสนอให้รัฐบาลเร่งอนุมัติมาตรการ EV 3.5 ต่อเนื่องจาก EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ และต้องการให้รัฐบาลให้เงินอุดหนุนการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ, เร่งติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ทั่วถึง, ผลิตบุคลากรที่มีความรู้เรื่องการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคทั้งหลายที่จะเข้ามาลงทุนในอนาคต ให้นักลงทุนมั่นใจว่าประเทศไทยมีบุคลากรเพียงพอ นอกจากนี้ยังอยากให้ส่งเสริมดัดแปลงรถยนต์เก่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน ลดมลพิษรวมถึงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย ซึ่งจะมีผลช่วยให้ไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี