นายเกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า สถาบันยานยนต์ ได้ร่วมเดินทางไปกับนายเดชา จาตุธนานันท์ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารจากกระทรวงอุตสาหกรรม ในการศึกษาดูงานศูนย์ทดสอบยานยนต์ของ China Automotive Technology and Research Center (CATARC) ณ เมืองกว่างโจว ประเทศจีน โดย China Automotive Technology and Research Center (CATARC) เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน รับผิดชอบกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศจีน ได้แก่ การกำหนดนโยบาย การกำหนดมาตรฐาน-การทดสอบและการรับรอง รวมทั้งการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ เป็นต้น
สำหรับศูนย์ทดสอบรถยนต์ ณ เมืองกว่างโจว แห่งนี้ ถือเป็น 1 ใน 6 ศูนย์ทดสอบในประเทศจีน ของ China Automotive Technology and Research Center (CATARC) ถือหุ้นทั้งหมดโดย ChinaAutomotive Technology and Research Center (CATARC) โดยมีรายได้จากการให้บริการด้านการทดสอบ (Type Approval) การวิจัยและพัฒนา (R&D) ทั้งรถยนต์ที่ผลิตในประเทศจีนและรถยนต์นำเข้า ทั้งนี้มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 500-600 ล้านหยวนต่อปี ซึ่งครึ่งหนึ่งของรายได้ดังกล่าวมาจากกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D)
โดยศูนย์ทดสอบรถยนต์แห่งนี้ประกอบด้วย สนามทดสอบ (Vehicle Performance Test Drive) ความยาวประมาณ 2.1 กิโลเมตร และห้องปฏิบัติการทดสอบ 6 ส่วนหลัก เช่น ห้องปฏิบัติการทดสอบ NEV (New Energy Vehicle) และชิ้นส่วน ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ ห้องปฏิบัติการทดสอบมลพิษห้องปฏิบัติการทดสอบการชน (Crash Test) ห้องปฏิบัติการทดสอบความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) ห้องปฏิบัติการทดสอบชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น ความแข็งแรงของโครงสร้าง ที่นั่ง และเข็มขัดนิรภัย เป็นต้น และห้องปฏิบัติการทดสอบมลพิษยานยนต์ โดยศูนย์ทดสอบรถยนต์แห่งนี้มีพนักงานประมาณ 300 คน
“การศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารงานศูนย์ทดสอบรถยนต์ในครั้งนี้ สถาบันยานยนต์จะนำไปใช้เพื่อการบริหารงานศูนย์ทดสอบยานยนต์ของสถาบันยานยนต์ รวมทั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ต่อไป เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยให้ไปสู่ระดับสากลมากขึ้น”นายเกรียงศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามในระหว่างการเยี่ยมชมศูนย์ทดสอบรถยนต์ของ China Automotive Technology and Research Center (CATARC) คณะผู้บริหารฝ่ายประเทศไทย ได้มีการหารือกับ Mr. Fu Tienqiang หัวหน้าวิศวกรของศูนย์ทดสอบรถยนต์ จึงทราบว่าในปัจจุบันรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่จำหน่ายในประเทศจีน เป็นมาตรฐานยูโร 6 แล้ว และกำลังจะพัฒนาไปสู่ยูโร 7 ต่อไป โดยระบบมาตรฐานของประเทศจีนจะกำหนดเกณฑ์ให้สูงกว่ามาตรฐานของสหภาพยุโรปเสมอ เพื่อให้สามารถส่งออกรถยนต์ไปจำหน่ายยังสหภาพยุโรป และอเมริกาเหนือได้
นายเกรียงศักดิ์กล่าวว่า สถาบันยานยนต์และ China Automotive Technology and Research Center (CATARC) ยังได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการด้านเทคโนโลยี มาตรฐาน และการทดสอบยานยนต์ ในงานChina-ASEAN Automotive Industry Coorperation and Development Forum (CAAF) ครั้งที่ 1 ณ เมืองหนานหนิง ประเทศจีน ซึ่งวัตถุประสงค์ในการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของสถาบันยานยนต์ รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานยานยนต์สมัยใหม่ (Next Generation Vehicles)
นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2560 ประเทศไทยได้เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนผลิตยานยนต์สมัยใหม่ (Next Generation Vehicles) หรือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (xEV) ได้แก่ HEV, PHEV, BEV และ FCEV มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันซึ่งนักลงทุนกลุ่มใหญ่ที่มาลงทุนผลิตรถไฟฟ้า (BEV) ในประเทศไทย คือ ผู้ผลิตยานยนต์จากประเทศจีน
“ขณะนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงอยากเรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศจีน ซึ่งได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจนกลายเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ของโลก ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งมีตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก”นายเดชา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี