ธนาคารโลก (World bank) เผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคมเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีในปี 2566 จะขยายตัวได้ 3.4% เร่งตัวขึ้นจาก 2.6% ในปี 2565 แต่ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่เคยประมาณการไว้ที่ 3.9% โดยเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่งขณะที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัว -2.1%
ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.5% และ ปี 2568 คาดการณ์ที่ 3.3% จากผลของการท่องเที่ยวและภาคเอกชนเติบโต โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยนั้น คาดว่าจะกลับมาเทียบเท่ากับระดับก่อนเกิดโควิดได้ภายในสิ้นปี 2567
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง 1.5% ต่ำกว่าตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ และปี 2567 จะลดลงไปที่ 0.7% อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
จะเพิ่มขึ้น จากผลของราคาอาหารโลกพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งการอุดหนุนด้านราคาพลังงาน ขณะที่คาดว่าหนี้สาธารณะในปี 2566 จะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 60% และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเป็นบวกได้ในปีนี้ 0.5% ต่อ จีดีพีจากที่เคยขาดดุลติดต่อกันมา 2 ปี ในปี 2564 และ 2565
นายอาดิตยา แมตทู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของธนาคารโลก กล่าวว่า หนี้สาธารณะของไทยที่ปัจจุบันเพิ่มมาอยู่ในระดับประมาณ 60% ของจีดีพียังไม่ถือว่าเป็นระดับที่สุ่มเสี่ยงหรือเป็นปัญหา แต่ที่น่ากังวลกว่าก็คือ หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงประมาณ 80% ของจีดีพีซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาค และน่าเป็นห่วงมากกว่าหนี้ของภาครัฐโดยในระยะกลาง ประเทศไทยจะเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างที่จำกัดศักยภาพในการเติบโต อุปสรรคเหล่านี้ได้แก่ สังคมผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การสะสมเงินลงทุนไม่เพียงพอ การแข่งขันด้านการส่งออกที่มีศักยภาพลดลง และหนี้ครัวเรือนจำนวนมาก ขณะที่ความตึงเครียดทางการเงินจากภาวะหนี้ล้นมือและผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อครัวเรือนรายได้น้อยและครัวเรือนที่เปราะบางยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการบรรลุการลดความยากจน
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว 2.8% ในปี 2566 และ 4.4% ในปี 2567 โดยมีแรงส่งสำคัญจากการบริโภคภาคเอกชน สำหรับปีนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอลงจากภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจจีนและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเร่งสูงขึ้นในปี 2567 จากอุปสงค์ในประเทศ ภายใต้บริบทที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องและภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว อีกทั้งจะได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย และคาดว่าจะอยู่ที่ 1.6% ในปี 2566 และ 2.6% ในปี 2567 โดยมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำในปี 2566 จากผลของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐและผลของฐานที่สูงในปีก่อนหน้าขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในปี 2567 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.4% ในปี 2566 และ 2.0% ในปี 2567 ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในปี 2567 จากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐ และต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับสูงขึ้น หากปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงกว่าคาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี