นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า เตรียมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรึงค่าไฟงวดแรกปี 2567(มกราคม-เมษายน) โดยจะตรึงค่าไฟฟ้า ไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ช่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบางจำนวน 17.7 ล้านราย ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน คิดเป็น 75% ของผู้ใช้ไฟทั้งประเทศ ใช้งบกลางปี 2567 กว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
สำหรับการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าที่เหลือ หรือผู้ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป กระทรวงจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 13 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือถึงแนวทางการดูแลค่าไฟให้กลุ่มคนดังกล่าว ไม่ใช่ 4.68 บาทต่อหน่วยแน่นอน จะพิจารณาแนวทางสนับสนุนที่เหมาะสมเบื้องต้นอาจจะยืดหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)และให้ บริษัท ปตท. ลดราคาค่าก๊าซธรรมชาติลงแต่ยืนยันค่าไฟฟ้าจะไม่ถึง 4.68 บาทต่อหน่วยแน่นอน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดประชุมสั่งการ โดยในเบื้องต้น ค่าไฟฟ้าที่ลดได้จะเกิดจาก 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1. การขยายหนี้กฟผ. ออกไปอีก 1 งวด 2. การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ และ 3.การกำหนดราคาขายก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ซึ่งแม้ว่าการดำเนินการทั้ง 3 มาตรการ จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงจากที่ทาง กกพ.เสนอ แต่ทุกฝ่ายก็ยังจะพยายามทางช่องทางให้สามารถลดค่าไฟให้ได้มากขึ้น
“หลังจากที่มีการประชุมในหลายๆ ครั้ง ทำให้เราได้เห็นตัวเลขและข้อมูลต่างๆ ที่จะนำมาประกอบการพิจารณาค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น สิ่งที่ผมเพิ่งได้ดำเนินการซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ เป็นการปรับโครงสร้างที่จะมีความยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย และไม่เป็นการสร้างภาระในอนาคต ส่วนมาตรการขยายหนี้ กฟผ. ถือว่าเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้น แต่ผมก็มีแผนที่จะเตรียมแก้ปัญหาให้
กฟผ. เพื่อปลดภาระหนี้ด้วย ส่วนการกำหนดราคาขายก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการลดราคาค่าไฟได้ ซึ่งทั้ง 3 มาตรการที่จะดำเนินการนี้ แม้จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงจากที่ทางกกพ. เสนอ แต่ผมยังต้องการจะลดลงให้มากกว่านี้ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งประชาชนและเอกชน” นายพีระพันธุ์กล่าว
ส่วนราคาดีเซลจากปัจจุบันตรึงราคาไม่เกิน 29.94 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เบื้องต้น จะทำการตรึงราคาต่อหลังปีใหม่ แต่อย่างไรก็ตามขอหารือกับกระทรวงการคลังถึงกลไกของภาษีสรรพสามิตที่จะเข้ามาอุดหนุนร่วมกับเครื่องมือและกองทุน
น้ำมันเชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงาน เพื่อกำหนดแนวทางชัดเจน ขณะที่ก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจีล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)มีมติตรึงราคาขายปลีก ระดับ 423 บาทต่อถังขนาด15 กิโลกรัม (กก.) ตั้งแต่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2567
อย่างไรก็ตาม จากกรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) พลังงาน เพื่อปรับ
โครงสร้างพลังงานทั้งระบบนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการจากภาคเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการทำงานกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง อยู่แล้ว
“ขอให้มั่นใจว่า ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่และทำอย่างเร็วที่สุดเพื่อให้ทันเป็นของขวัญปีใหม่2567 ให้แก่คนไทยทุกคน” นายพีระพันธุ์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่ารัฐควรจะตรึงค่าไฟไว้ที่เฉลี่ย 3.99 บาท/หน่วยไว้ก่อน การที่ค่าไฟที่จะปรับขึ้นเป็น 4.68 บาท/หน่วยซึ่งปรับขึ้นถึง 17% จะกระทบต่อสมาชิกอุตสาหกรรมของส.อ.ท.ที่ล่าสุดมี 46 กลุ่มแต่ละอุตสาหกรรมก็จะกระทบมากน้อยต่างกันไปตามการใช้ไฟ ต้นทุนที่เพิ่มจะทำให้ราคาสินค้าภาพรวมจะปรับขึ้น 5-10% ซึ่งก็จะไปกระทบค่าครองชีพประชาชนอย่างไรก็ตามกรณีที่รัฐระบุว่าจะตรึงไว้หรือหากขึ้นก็จะไม่เกิน 4.20 บาท/หน่วย หากขึ้นเป็น 4.20 บาท/หน่วยค่าไฟจะเพิ่ม 5% หนุนราคาสินค้าขยับเป็นราว 2-4%” นายเกรียงไกร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี