นายเสรี หัตถะรัชต์ ตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้น รายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนใน บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) (NUSA) เปิดเผยหลังนำผู้ถือหุ้นรายย่อยรวม 30 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า นักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือจากดีเอสไอ ให้ตรวจสอบการดำเนินการของคณะกรรมการ NUSA ที่อนุมัติ ให้ผู้บริหารขายทรัพย์สินของบริษัทออกไป 6 รายการเป็นเงินกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท หรือ เกือบ 70 % ของทรัพย์สินทั้งหมดบริษัท 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อบริษัทอย่างมหาศาล โดยไม่ได้แจ้งหรือจัดการประชุม ให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับทราบหรืออนุมัติ เชื่อว่าเป็นการปกปิดธุรกรรมอันมีสาระสำคัญในการดำเนินงาน
“ถ้าหน่วยงานรัฐไม่ช่วยยับยั้งการกระทำดังกล่าวโดยเร็ว หากเกิดความเสียหายจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเพราะมีผู้ถือหุ้นรายย่อยใน NUSA เกือบ 1 หมื่นราย ในจำนวนนี้มีผู้ถือหุ้นมากมายที่เข้ามาลงทุนใน NUSA เพราะเชื่อตามที่ฝ่ายบริหารนำเสนอว่า บริษัทจะเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน จะมีรายได้ที่มั่นคง นักลงทุนก็เชื่อเพราะช่วงโควิด -19 ระบาด ธุรกิจพลังงานแทบไม่ได้รับผลกระทบจึงพากันเข้ามาลงทุน แต่มาวันนี้กลับมีมติขายธุรกิจพลังงานทิ้งทั้งหมดโดยไม่แจ้งผู้ถือหุ้น”
นายเสรีกล่าวว่า นอกจากขายทรัพย์สินก้อนใหญ่ออกไป กลุ่มนักลงทุนรายย่อยก็ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการขายทรัพย์สินว่าจะเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่ เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา NUSA มักถูกหน่วยงานกำกับดูแลทั้งผู้ตรวจสอบบัญชี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรียกชี้แจงบ่อยครั้ง เช่น กรณีล่าสุดที่ผู้บริหาร NUSA นำโครงการอสังหาฯของบริษัท ไปขายให้กับบริษัทที่มีญาติตัวเองเป็นกรรมการ ในราคาต่ำกว่าตลาด หลังถูก ตลท. เรียกชี้แจงก็อ้างว่าทำไปเพราะเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริต ทั้งที่เป็นผู้บริหารมานานมาอ้างแบบนี้ฟังขึ้นหรือไม่ขึ้นหรือไม่และจนวันนี้บริษัทก็ยังตอบคำถามได้ไม่ชัดเจนว่าการเข้าซื้อเข้าซื้อธุรกิจโรงแรม Panacee Grand HotelRoemerbad ในประเทศเยอรมนี จ่ายเงินไปแล้ว 711 ล้านบาท จากทั้งหมด 740 ล้านบาท ผู้รับเงินไม่ใช่เจ้าของโรงแรมมันผิดปกติหรือไม่ และภายหลังมาประกาศเปลี่ยนจากซื้อธุรกิจโรงแรมไปซื้อหุ้นบริษัทที่เป็นเจ้าของโรงแรมแทน ผลลัพธ์ตอนนี้ NUSA เลยได้หุ้นบริษัทเยอรมันที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 407 ล้านบาท คือได้บริษัทที่หนี้ท่วมเข้ามา ส่วนตัวโรงแรมที่ได้มาก็ยังเปิดบริการไม่ได้จึงไม่มีรายได้ เรื่องนี้สร้างความเสียหายแก่บริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างร้ายแรง
“เชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านั้นอาจอาจมีส่วนทำให้ NUSA ขาดทุนติดต่อกันยาวนานถึง 8 ปี มีขาดทุนสะสมมากกว่า 3 พันล้านบาท สร้างความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด ดังนั้น เพื่อความชอบธรรมกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของ NUSA จะเดินหน้าร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อรักษารักษาผลประโยชน์ของตนในฐานะผู้ถือหุ้นภายใต้กรอบกฎหมายอย่างถึงที่สุด” นายเสรีกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี