วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
เศรษฐศาสตร์วันหยุด : ทำไปทำไมเมื่อ‘ยิ่งทำยิ่งจน’

เศรษฐศาสตร์วันหยุด : ทำไปทำไมเมื่อ‘ยิ่งทำยิ่งจน’

วันอาทิตย์ ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2567, 07.15 น.
Tag : ข่าวเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทย เศรษฐศาสตร์วันหยุด
  •  

nn ภาคการเกษตร...คืออาชีพของปู่ย่าตายายไทยที่หล่อเลี้ยงลูกหลานไทยมานานหลายร้อยปีและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในไทยมาก็ไม่น้อยเช่นกัน…ตัวเลข ณ ปัจจุบันเกษตรกรไทยมีอยู่ ประมาณ 43% ของประชากรทั้งประเทศ ตัวเลข ณ ปี 2565 เศรษฐกิจภาคการเกษตรของไทยในปี 2565 มีมูลค่าราว 1.53 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 8.8% ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจภาคเกษตรไทยขยายตัวเพียง 7.7% ขณะที่ประเทศต่างๆ มีการขยายตัวในอัตราที่สูง เช่น ออสเตรเลีย ขยายตัวอยู่ที่ 51.5% อินเดีย 82.7% และเวียดนาม 53.2% แม้แต่ประเทศที่เน้นบทบาทของการผลิตภาคอุตสาหกรรม อย่างเช่น ประเทศจีนก็ยังมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจภาคเกษตร ถึง 68.6% และเยอรมนี ที่ขยายตัว 51.0%

สาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์ข้างต้นนั้นเพราะภาคการเกษตรไทย มีข้อจำกัดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรที่สามารถเพิ่มรายได้สร้างกำไรที่สูงขึ้น ซึ่งกำไรยังถือเป็นส่วนสำคัญของเกษตรกรที่จะนำมาใช้เพื่อลงทุนพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประกอบธุรกิจในมิติต่าง ๆ เช่น การซื้อที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลงทุนสร้างแหล่งกักเก็บน้ำในช่วงน้ำเยอะสำรองไว้ในช่วงน้ำน้อย หรือการลงทุนในเทคโนโลยีการเพาะปลูกทางการเกษตรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการเพาะปลูกในระยะยาว....แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกษตรกรไทยไม่สามารถลงทุนต่อยอดพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตใดๆ ได้เลย


ปัญหาหลักที่ทำให้เกษตรกรไทยทุกวันนี้ยิ่งทำยิ่งจน...ก็น่าจะมาจาก 1.เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยังคงยึดติดกับการขายสินค้าเกษตรโดยไม่ผ่านการแปรรูปที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ 2.เกษตรกรไทยเผชิญกับปัญหาการกระจายรายได้จากผลผลิตที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่สามารถก้าวผ่านการเป็นผู้ผลิตเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการได้ จึงยังมีฐานะเป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าขั้นกลางให้กับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าขั้นสุดท้าย

จากกรณีศึกษาเรื่องข้าวพบว่าปี 2566 ข้าวขาวราคาเฉลี่ย 20.7 บาท/กิโลกรัม กำไรขั้นต้นของผู้ประกอบการก่อนหักต้นทุนการขายและการบริหารที่ราว 4.05 - 5.8 บาทต่อกิโลกรัม หรือคิดเป็นการกระจายรายได้จากผลผลิตขั้นสุดท้ายถึงมือผู้ประกอบการที่ 19.6%-24.5% ในขณะที่เกษตรกรไทยได้รับกำไรจากการเพาะปลูกข้าวเพียงราว 0.22 บาทต่อกิโลกรัม หรือคิดเป็นการกระจายรายได้ที่ย้อนกลับมาในมือของเกษตรกรคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.1% ของราคาข้าวขาวที่เป็นสินค้าบริโภคขั้นสุดท้าย

ถ้าไม่โลกสวยก็ต้องยอมรับกันว่าสินค้าเกษตรของไทยทุกชนิดตกอยู่ในภาวะเช่นเดียวกับข้าว...ไม่เช่นนั้นรัฐบาลคงไม่ต้องควักเงินงบประมาณมาประกันราคาสินค้าเกษตรถึงปีละ 2-3 แสนล้านบาท แล้วก็ทำกันมาต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี ไม่ว่ารัฐบาลไหนที่ผ่านมาก็ทำเช่นนี้...นี่ยังไม่นับรวมภาระการคลังที่เกิดจากการชดเชยให้สถาบันการเงินของรัฐที่เข้ามาช่วยในนโยบายพักหนี้เกษตรกร...ความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการ จำนำหรือประกันราคา สินค้าเกษตรกรต่างๆ อีก

เมื่อเป็นเช่นนี้จะเหลือเกษตรกรในประเทศอีกหรือไม่ต้องคิดแล้ว เพราะเกษตรกรรุ่นปัจจุบันก็อายุกว่า 60 ปีกันแล้ว เมื่อยิ่งทำยิ่งจน รายได้น้อยกว่างานในภาคอื่นๆ คนรุ่นใหม่จะเข้าสู่ภาคการเกษตรกันไปทำไม...ไม่ทำอะไรที่เป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ณ วันนี้....ในที่สุดก็จะไม่มีคนปลูกข้าวให้คนไทยกันแล้วล่ะครับ...

พงษ์พันธุ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • โครงการคุณสู้ เราช่วย ระยะที่ 2  มาแล้ว!! โครงการคุณสู้ เราช่วย ระยะที่ 2 มาแล้ว!!
  • ปัจจัยเสี่ยงกดดัน ศก. ธุรกิจชะลอลงทุนตุนสภาพคล่อง ปัจจัยเสี่ยงกดดัน ศก. ธุรกิจชะลอลงทุนตุนสภาพคล่อง
  • เศรษฐศาสตร์วันหยุด : นายกรัฐมนตรี คือศูนย์กลางของปัญหา เศรษฐศาสตร์วันหยุด : นายกรัฐมนตรี คือศูนย์กลางของปัญหา
  • คลัง ถกเอกชน รับมือ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา คลัง ถกเอกชน รับมือ ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
  • เศรษฐศาสตร์วันหยุด : ก.พาณิชย์...ตื่นได้แล้ว  อุตสาหกรรมเหล็กไทยกำลังจะตาย เศรษฐศาสตร์วันหยุด : ก.พาณิชย์...ตื่นได้แล้ว อุตสาหกรรมเหล็กไทยกำลังจะตาย
  • ธปท. เคาะ 3 กลุ่มทุนฯ ตั้ง Virtual Bank ธปท. เคาะ 3 กลุ่มทุนฯ ตั้ง Virtual Bank
  •  

Breaking News

สตม.โชว์ผลงาน! รวบ'ชาวจีน'หนีคดีค้ายา-แชร์ลูกโซ่

เชิญชมเทศกาลศิลปะ ‘พระนคร ออน โอ่งอ่าง : หันน่าเข้าคลอง’ 11-13 ก.ค.นี้

อำลาเจลีก!บีจีดึง'เจริญศักดิ์'คืนทัพสู้ไทยลีก

(คลิป) 'ณัฐวุฒิ'แซะ! ดาบในมือศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved