นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายในการสนับสนุนและขับเคลื่อนศักยภาพผู้ประกอบการSME แบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนแหล่งเงินทุน การลงทุนในเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการวางแผนธุรกิจที่ชัดเจน การวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ การบริหารการเงินอย่างเป็นระบบและการเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยใช้กลไกของกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME สู่ การเป็น Smart SMEs และ Global SMEs รวมถึงการยื่นรับรองมาตรฐาน เช่น ฮาลาล GMP ตลอดจนการยกระดับด้วยเทคโนโลยี และEcosystem เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของSME ที่สำคัญกระทรวงอุตสาหกรรมมีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนให้ SME เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน”
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมชม 2 บริษัท ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ประกอบด้วย 1.บริษัท ชาระมิงค์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิต/จำหน่ายชา-กาแฟสมุนไพรออแกนิค ประเภทเครื่องดื่มชาคุณภาพ และได้รับมาตรฐานสากลแห่งแรกในประเทศไทย โดยการทำเกษตรอุตสาหกรรมที่รักษาสิ่งแวดล้อม รักษาป่าต้นน้ำ ไม่ทำลายป่า ทำลายดิน ซึ่งก่อให้รายได้และสร้างอาชีพ สำคัญยังกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น
2.บริษัท สยามศิลาดล พอตเทอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย เครื่องปั้นดินเผา เครื่องไม้แกะสลัก และศิลาดลทุกประเภท ที่ยังคงอัตลักษณ์ท้องถิ่น ในการผลิตแบบหัตถอุตสาหกรรม โดยกระบวนการคิดและผลิตจากการผสมผสานระหว่างทักษะภูมิปัญญา วัฒนธรรมและความเชี่ยวชาญเชิงศิลปหัตถกรรม ความคิดเชิงสร้างสรรค์ทางการออกแบบและกระบวนการวิธีเชิงอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดรูปแบบที่มีความทันสมัย
“กระทรวงฯ ยังคงเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME อย่างต่อเนื่อง มีการถอดบทเรียน พัฒนาถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ตลอดจนการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก โดยเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการSME สามารถเติบโต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน” นายณัฐพลกล่าว
ทั้งนี้ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ 9 จังหวัด มีผู้ขอรับสินเชื่อจากโครงการฯ จำนวน 2,138 ราย วงเงินรวมที่ขอ 2,833 ล้านบาท โดยจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีผู้ขอรับสินเชื่อจากโครงการฯ มากที่สุด จำนวน 545 ราย คิดเป็น 25% รวมเป็นจำนวนเงิน 587.17 ล้านบาท
นายจักริน วังวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาระมิงค์ จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการกับกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ทำให้รู้ว่า SME ที่ต้องการขอสินเชื่อจะต้องวางแผนการเงินอย่างรอบคอบและสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถคืนเงินกู้ได้ โดยต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบของบริษัท ความครีเอทีฟ และแพ็กเกจจิ้ง รวมทั้งสิ่งที่จะตอบสนองตลาดได้ ซึ่งบริษัท ชาระมิงค์ มีลูกค้าที่มีความมั่นใจในตัวเราอยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำชาดำสไตล์อังกฤษ ซึ่งได้ส่งออกไปขายยังต่างประเทศหลายประเทศ รวมทั้งต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน พร้อมทั้งวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ และบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องจัดทำบัญชีและการเงินอย่างถูกต้องและครบถ้วน เพื่อสามารถประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจให้สินเชื่อได้
นายอนุสิทธิ มานิตยกูล หนึ่งในผู้สืบทอด บริษัท สยามศิลาดล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาศิลาดลกล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจโดยการรักษาอัตลักษณ์ และสืบสานมรดกล้านนาของการผลิตเครื่องปั้นดินเผาศิลาดลแบบดั้งเดิม โดยการใช้น้ำเคลือบธรรมชาติและดินจากเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่องกว่า 40 ปี นอกจากการรักษาอัตลักษณ์แล้วก็ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากงานหัตถกรรมเล็กๆ ค่อยๆ พัฒนาจนกลายเป็นหัตถอุตสาหกรรม มีการควบคุมต้นทุนในการผลิต การตรวจสอบคุณภาพอยู่เสมอ และปรับตัวให้เข้ากับปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งจากสถานการณ์โควิด ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเข้าร่วมโครงการสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ได้รับการสนับสนุนเงินทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจ ทั้งการจัดหา ปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักร
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนในการไปปรับปรุงเรื่องการทำแขนกล เพื่อมาทำการพ่นตัวน้ำเคลือบที่ในอดีตใช้เครื่องที่ใช้แรงงานคน ซึ่งตอนนี้บริษัทได้นำเรื่องของแขนกล
เข้ามาช่วยทำให้การบริหารจัดการสามารถประหยัดต้นทุนและทำให้การผลิตเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น” นายอนุสิทธิกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี