'ผู้ว่าแบงก์ชาติ'พูดชัดเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤต ยืนยันไม่เร่งหั่นดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควร

'ผู้ว่าแบงก์ชาติ'พูดชัดเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤต ยืนยันไม่เร่งหั่นดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควร

วันพฤหัสบดี ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567, 19.06 น.

ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ยืนยัน“เศรษฐกิจไทยไม่วิกฤต” ชี้หั่นดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควร เสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน  หลังนายกรัฐมนตรี ออกมาเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย 

22 ก.พ. 67 สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ธปท. ไม่เอาด้วยกับการเรียกร้องให้จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย และว่าปัญหาเชิงโครงสร้างและวัฏจักรที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยจะไม่ได้รับการแก้ไข ด้วยการกลับทิศทางนโยบายการเงิน


ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า ธนาคารกลางไม่ดันทุรัง (not dogmatic) เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่สูงในรอบ 10 ปี แต่เรียกร้องให้พิจารณาตัวเลขล่าสุดที่แสดงถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่เป็นลบ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เติบโตเพียง 1.9% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากอุปสรรคทางการเมืองทำให้งบประมาณรัฐบาลปี 2567 ล่าช้า

“ถ้าเราลดอัตราดอกเบี้ยลงก็จะไม่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนจับจ่ายมากขึ้น หรือทำให้บริษัทจีนนำเข้าปิโตรเคมีจากไทยมากขึ้น หรือทำให้รัฐบาลต้องกระจายงบประมาณเร็วขึ้น และนั่นคือ 3 ปัจจัยหลักที่รองรับการเติบโตที่ช้า” นายเศรษฐพุฒิ ระบุ

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวอีกว่า แรงกดดันทางการเมืองต่อธนาคารกลางเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบติดต่อกัน 4 เดือน ส่วนใหญ่เกิดจากการอุดหนุนพลังงานของรัฐบาล ควบคู่ไปกับรายรับจากการท่องเที่ยวที่อ่อนแอและการส่งออกที่หดตัว แต่ในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% ปฏิเสธเสียงเรียกร้องของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ที่เรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ กรณีที่นายกรัฐมนตรีได้เรียกร้องอีกครั้ง ให้ ธปท.จัดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉุกเฉินก่อนการประชุมปกติครั้งต่อไปในวันที่ 10 เม.ย.2567

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวถึงความสัมพันธ์กับนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ว่า “เป็นมืออาชีพ” และ “จริงใจ” แต่ปฏิเสธว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต แต่ทัศนคติของรัฐบาลต่อธนาคารกลางทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคาร ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

“มีความตึงเครียดเชิงสร้างสรรค์ระหว่างรัฐบาลและธนาคารกลางซึ่งยังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ เพราะเราสวมหมวกที่แตกต่างกัน ไม่มีเหตุผลใดที่ทั้งสองจะทำงานร่วมกันไม่ได้ คุณเพียงแค่ต้องเข้าใจว่าเรามีบทบาทที่แตกต่างกันในการปฏิบัติตามกฎหมาย” ผู้ว่า ธปท. กล่าว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top