วันอังคาร ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
3เทคโนโลยีเกษตรมาแรง  NIAเร่งปั้นสตาร์ทอัพไทยชิงเงินทุน

3เทคโนโลยีเกษตรมาแรง NIAเร่งปั้นสตาร์ทอัพไทยชิงเงินทุน

วันอังคาร ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2567, 17.43 น.
Tag :
  •  

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) กล่าวว่า ภาคเกษตรมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างมาก แต่กลับมีอัตราการเติบโตช้ากว่าประเทศอื่น เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงทำการผลิตแบบเดิม ดังนั้น NIA จึงพยายามจะพัฒนาภาคเกษตรของไทยให้พร้อมรับกับการแข่งขันและความต้องการอาหารของทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 70%ในปี 2593 ด้วยการพลิกโฉมไปสู่การเกษตรที่ทันสมัยและยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในแนวทางสำคัญคือ การเพิ่มจำนวนผู้พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับธุรกิจเกษตร โอกาสสำคัญที่จะทำให้เกษตรไทยมีมูลค่าและพร้อมนำสินค้า-บริการแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีเพียง 81 ราย ซึ่งมูลค่าการลงทุนในตลาดสตาร์ทอัพเกษตรที่มีอยู่กว่า 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 ล้านล้านบาท โดย NIA จะเร่งผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนดังกล่าวโดยเฉพาะ 3 เทคโนโลยีที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตและรับการลงทุน ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร

“สตาร์ทอัพเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกเป็นเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ภาคเกษตรไทยเติบโต ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมทั้งช่วยทำให้ผลผลิตมีมูลค่าสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตต่ำลง กระบวนการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็วตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ตลอดจนการสร้างสายพันธุ์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างจากท้องตลาด ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น”


ดร.กริชผกากล่าวอีกว่าจากการศึกษาข้อมูลในตลาดสตาร์ทอัพเกษตรของไทยพบว่าที่ผ่านมามีการระดมทุนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันมูลค่ารวมประมาณ 2,500 ล้านบาท จากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศซึ่งถือว่ายังไม่มากนัก และเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยมี 3 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงลึกจากทั่วโลกที่น่าจับตาและเป็นแนวทางสำหรับสตาร์ทอัพไทยในอนาคต ดังนี้ 1.ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) จากการใช้ข้อมูลทางการเกษตรขนาดใหญ่คาดการณ์และทำนายเพื่อการทำเกษตรให้เกิดความแม่นยำ และสร้างมาตรฐานใหม่ที่มีผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรองรับ เช่น อัลกอริธึม AI ที่ช่วยให้นักปฐพีวิทยาใช้น้ำและปุ๋ยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นเทคโนโลยีที่คาดว่าจะเติบโตเป็น 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.55 แสนล้านบาทในปี 2571 โดยในไทยมีสตาร์ทอัพเกษตรที่ได้รับการร่วมลงทุนในเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ อีซี่ไรซ์ (Easy Rice)ระบบ AI มาช่วยตรวจสอบสายพันธุ์ข้าวเปลือกและคุณภาพข้าวสาร ปัจจุบันมีโรงสีผู้ใช้งานมากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ และเริ่มขยายการใช้งานไปยังกลุ่มปลูกข้าวอาเซียนในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม จึงได้รับระดมทุนรอบ Pre-Series A กว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 66 ล้านบาท จากบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัท ยิบอินซอยและแย็คส์ จำกัด และ บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด

ส่วนเทรนด์ที่ 2.คือ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร ผลักดันให้เกิดความต้องการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาทำงานทางการเกษตรมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้สารเคมี ส่งผลต่อการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต เช่น การใช้โดรนช่วยพ่นยาพ่นปุ๋ย แทนแรงงานคน และมีการคาดการณ์ว่าตลาดนวัตกรรมนี้จะมีมูลค่าประมาณ 265.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวหลักสิบล้านล้านบาท ในช่วงปี 2566-2575 ซึ่งสตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์ทางการเกษตรที่ได้รับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยี และการสนับสนุนจากนักลงทุนและบริษัทใหญ่ ได้แก่ เอชจี โรโบติกส์ (HG Robotics) สตาร์ทอัพที่พัฒนาหุ่นยนต์และระบบบริหารจัดการอัตโนมัติซึ่งได้รับเงินลงทุนจากกลุ่มทรูดิจิทัล

สำหรับเทรนด์ที่ 3.คือ เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร จากความต้องการปกป้องสิ่งแวดล้อม และผู้บริโภคต้องการอาหารปลอดภัย เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงจึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าของภาคเกษตรกรรม และการจัดการกับความท้าทายต่างๆ เช่น ศัตรูพืช ความแห้งแล้ง การสร้างพันธุ์พืชใหม่ อีกทั้งยังมีการประเมินว่า มูลค่าการระดมทุนของสตาร์ทอัพด้านการเกษตรที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพทั่วโลกมีมูลค่า 85.80 พันล้านบาท ถือเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมูลค่าการลงทุนสูงมากในด้านเกษตร ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพเกษตรไทยที่ได้รับการร่วมลงทุนจากการนำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ ได้แก่ ยูนิฟาร์ส (UniFAHS)จากผลิตภัณฑ์ Salmo Guard ที่มีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่าในลำไส้และระบบทางเดินอาหารของสัตว์ปีก เพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมี และขณะนี้กำลังขยายเทคโนโลยีไปใช้กับสินค้าเกษตรกลุ่มอื่น เช่น เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

“สตาร์ทอัพเกษตรมีตลาดขนาดใหญ่มากรองรับอยู่ ดังนั้น การที่สตาร์ทอัพของไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนและได้รับเงินระดมทุน นับเป็นความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์ผู้ใช้งานจนเกิดการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การที่จะทำให้เกษตรกรเปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และพร้อมที่จะเปลี่ยนจากวิถีการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่เกษตรอัจฉริยะ ถือเป็นความท้าทายของสตาร์ทอัพเกษตรที่จะพัฒนเทคโนโลยีจนเกิดผู้ใช้งานจริงในประเทศไทย” ดร.กริชผกา กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ติดแผงโซลาร์นำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 แสนบาท ติดแผงโซลาร์นำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 แสนบาท
  • ‘โกลเบล็ก’ แนะ 4 หุ้นเด่น รับโครงการ Sandbox ก.ล.ต. ‘โกลเบล็ก’ แนะ 4 หุ้นเด่น รับโครงการ Sandbox ก.ล.ต.
  • ทีทีบี เผยครึ่งปีแรกช่วยลูกหนี้กว่า 5 หมื่นบัญชี ยอดสินเชื่อ 3.1 หมื่นล้านบาท ทีทีบี เผยครึ่งปีแรกช่วยลูกหนี้กว่า 5 หมื่นบัญชี ยอดสินเชื่อ 3.1 หมื่นล้านบาท
  • ธนาคารไทยเครดิตครึ่งปีแรกกำไรกว่า 1.82 พันล้านบาท ธนาคารไทยเครดิตครึ่งปีแรกกำไรกว่า 1.82 พันล้านบาท
  • กรุงไทย ไตรมาส2กำไร 11,122 ล้านบาท กรุงไทย ไตรมาส2กำไร 11,122 ล้านบาท
  • ค่าเงินบาทประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ค่าเงินบาทประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2568
  •  

Breaking News

ฮือฮา!‘กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่พนัสนิคม’จัดขบวน‘วัว-ความเผือก’เทียมเกวียน ส่งดวงวิญญาณคุณปู่สู่สรวงสวรรค์

(คลิป) 'ทักษิณ' ใกล้จุดจบ 'หมอตุลย์' ชำแหละ! ผ่าปมชั้น 14 ชี้รอดยาก!!

'วุฒิสภา'โหวตท่วมท้น เห็นชอบ'ณรงค์ กลั่นวารินทร์'นั่งเก้าอี้'กกต.'

โจรดวงซวย! พกมีดมาลักรถ ขี่รถล้มมีดแทงตัวเองสาหัส

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved