นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ประธานกรรมการ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เข้าถือหุ้นร่วมกับเครือสหพัฒน์ โดยถือหุ้นในสัดส่วน 51.67% ในเดือนธันวาคม 2564 คณะกรรมการบริษัทได้วางนโยบายมุ่งขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดย่อมทั้งในประเทศและประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและรองรับแผนขยายการลงทุน จึงมีมติให้เปลี่ยนชื่อจากบริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567

น.ส.สุวิมล ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2539 โดยใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ภายใต้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก(SPP) ประเภท Firm ระบบ Cogeneration และไฟฟ้าส่วนที่เหลือ รวมทั้งไอน้ำ จำหน่ายให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์-ศรีราชา เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการลงทุนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

โดยล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ภายใต้งบลงทุน 2,700 ล้านบาท เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่จะครบอายุสัญญา(SPP Replacement) ซึ่งได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 79.5 เมกะวัตต์(MW) และไอน้ำ 75 ตัน/ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัทสู่ 153 MW และไอน้ำ 110 ตัน/ชั่วโมง โรงไฟฟ้าใหม่นี้ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2567

“การเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัทราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี เพื่อแสดงถึงความเป็นพันธมิตร ระหว่าง บริษัท ราช กรุ๊ป และเครือสหพัฒน์ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจสู่พลังงานหมุนเวียน โดยการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคา(Solar Rooftop) แบบติดตั้งบนพื้นดิน(Solar Farm) และแบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ(Solar Floating) ซึ่งในปี 2567 นี้คาดการณ์ว่าบริษัทและบริษัทในเครือจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Solar Rooftop รวม 21 MW ตามสัดส่วนการถือหุ้น”น.ส.สุวิมล กล่าว