นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคเปิดเผยว่า นับจากการเปิดใช้ถนนเมื่อปี 2557จนถึงปัจจุบัน “ถนนหอการค้าไทย” กลายเป็นทำเลทองของการอยู่อาศัย และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยถนนหอการค้าไทย ซึ่งเชื่อมระหว่างถนนชัยพฤกษ์และถนนสะพานนนทบุรี-บางบัวทอง (ถนน 345) ระยะทาง 4 กิโลเมตร เป็นถนนที่บริษัทก่อสร้างขึ้น โดยใช้งบ 400 ล้านบาท ปัจจุบันเติบโตเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีทั้งโครงการที่อยู่อาศัย โรงเรียนนานาชาติ ธุรกิจร้านค้า มีการพัฒนาโครงการไปแล้ว 20 โครงการ เป็นพื้นที่ 920 ไร่มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท จำนวนรวม 3,100 ยูนิต เป็นหนึ่งในทำเลที่มีโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพหลากหลายรูปแบบ และได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มผู้ซื้อบ้านในกรุงเทพฯโซนตะวันตก

ทั้งนี้ตลอดเส้นทางถนนหอการค้าไทยมีพื้นที่สำหรับพัฒนาโครงการรวม 1,300 ไร่มูลค่าโครงการทั้งหมดคาดว่าอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท รวมประมาณ 4,600 ยูนิต ใช้ระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ในการพัฒนาโครงการเต็มพื้นที่ สู่การ เป็นทำเลที่อยู่อาศัยและศูนย์กลางธุรกิจที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ซื้อบ้าน ภายใต้การพัฒนาของ 8 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ได้แก่ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, บมจ.เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น, บมจ.แสนสิริ, บมจ.เอพี (ไทยแลนด์), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท,บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, บมจ.พราว เรียลเอสเตทและฮ่องกง แลนด์ ซึ่งในปี 2567 ถนนหอการค้าไทยยังได้รับอานิสงส์จากรถไฟฟ้าสีชมพูเปิดให้บริการ และการขยายถนนชัยพฤกษ์เป็น 10 ช่องทาง ที่กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2567 เพิ่มศักยภาพการคมนาคมเชื่อมตรงจากถนนแจ้งวัฒนะ จะส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก

สำหรับบริษัทมีที่ดินบนถนนหอการค้าไทย 600 ไร่ มูลค่ารวม 20,500 ล้านบาท พัฒนาไปแล้ว 530 ไร่ จำนวน 13 โครงการ มีโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ 6 โครงการ มีบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ได้แก่ “เพอร์เฟค เพลส”, “เพอร์เฟค พาร์ค”2 โครงการ, “เลค เลเจ้นด์” ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับฮ่องกง แลนด์ ทาวน์โฮม1 โครงการ ได้แก่ “เดอะ เมทโทร” และอาคารพาณิชย์พร้อมการพักอาศัย 1 โครงการได้แก่ “มาร์เก็ต อเวนิว” ส่วนที่ดินอีก 90 ไร่มีแผนพัฒนาเป็นโครงการเชิงพาณิชย์ ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ ทั้งอาคารพาณิชย์ ธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร

นายมงกุฎ เตโชฬาร หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่เข้ามาพัฒนาโครงการบนถนนหอการค้าไทย จนถึงขณะนี้มีการพัฒนามาแล้ว 3 โครงการ ในระดับราคา10-30 ล้านบาท ปิดการขายไปแล้ว 1 โครงการและเป็นโครงการที่ดำเนินการอยู่ 2 โครงการ ได้แก่ “บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์แจ้งวัฒนะ” พื้นที่ 33 ไร่ มูลค่า 1,560 ล้านบาทจำนวน 72 ยูนิต และ “บางกอก บูเลอวาร์ดแจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์” พื้นที่ 26 ไร่ มูลค่า 1,100 ล้านบาท จำนวน 82 ยูนิต และยังมีที่ดินอีก 70 ไร่ ที่รอการพัฒนา

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ถนนหอการค้าไทย เป็นอีกหนึ่งทำเลทองของกรุงเทพฯฝั่งตะวันตกที่น่าสนใจ ซึ่งบริษัทพร้อมเปิดตัวโครงการ “Grande Pleno แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์” มูลค่า 1,250 ล้านบาท กำหนดเปิดพรีเซลวันที่15-16 มิถุนายน 2567 เป็นบ้านแฝดพรีเมียมจำนวน 198 หลัง ราคาเริ่มต้น 6.09 ล้านบาท

นายอาณัติ กิติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บมจ.แสนสิริ กล่าวว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการที่ร่วมบุกเบิกโครงการบนถนนหอการค้าไทย ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและทำเลทองแห่งใหม่ในปัจจุบัน โดยบริษัทมี 2 โครงการในโซนนี้พื้นที่รวม 102 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท ได้แก่ “สราญสิริ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” และ “Else ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” ปิดการขายแล้ว

นายสรศักดิ์ เฉลิมไพโรจน์ Head of SBU-PS2 กลุ่มบ้านเดี่ยว บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า บริษัทได้เข้ามาพัฒนาโครงการตั้งแต่ช่วงแรกเปิดใช้ถนน จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ได้แก่ “ภัสสร” บ้านเดี่ยวราคา 5-8 ล้านบาท ปิดการขายแล้ว และ “เดอะ ปาล์ม” บ้านเดี่ยวราคา 8-15 ล้าน คาดปิดการขายไตรมาส 3/2567 และยังมีที่ดินรอการพัฒนาอีก 33 ไร่

นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บมจ.พราว เรียลเอสเตท กล่าวว่าบริษัทเป็นรายล่าสุดที่เข้ามาพัฒนาที่อยู่อาศัยบนถนนหอการค้าไทย โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2568 ซึ่งได้รวบรวมประสบการณ์ด้านการพัฒนาโครงการระดับ Luxury-Ultra Luxury มูลค่า 100 ล้านบาท ที่เคยทำนำมาปรับใช้ให้ได้มากที่สุด

นายสงกรานต์ แสงอร่ามรุ่งโรจน์ Head of Residence Operation 5-8 บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า บริษัทมองเห็นศักยภาพถนนหอการค้าไทย ซึ่งบริษัทมีที่ดิน 75 ไร่ บนถนนหอการค้าไทย โดยมีแผนพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น