แหล่งข่าวจากวงการยาสูบเปิดเผยว่าขณะนี้อุตสาหกรรมยาสูบของไทยกำลังมีปัญหาหนักมากเนื่องจากบุหรี่เถื่อนเข้ามาตีตลาดบุหรี่ถูกกฎหมาย ด้วยเหตุที่มีส่วนต่างราคาสูงมาก โดยบุหรี่ถูกกฎหมายที่เสียภาษีเทียร์ล่าง (25%) ราคาอยู่ที่ 72 บาท/ซอง และบุหรี่ภาษีเทียร์บน (42%) ราคาอยู่ที่ 120-165 บาท/ซองขณะที่บุหรี่เถื่อนราคาเพียง 25-30บาท/ซอง เท่านั้น ทำให้ขณะนี้บุหรี่เถื่อนเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้ที่จะมีปรับโครงการสร้างภาษีเป็น 2 เทียร์ บุหรี่เถื่อนอยู่ในตลาดเพียงแค่ 10%กว่าเท่านั้นแต่ขณะนี้เพิ่มขึ้นมาถึง 30-40% และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหากรัฐบาลยังไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้
“ที่สาหัสกว่านั้นคือขณะนี้มีผู้เสนอให้มีโครงสร้างภาษีถึง 3-4 เทียร์ ซึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุผลมาก เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความสับสนและสวนทางกับอุตสาหกรรมยาสูบส่วนใหญ่ของโลกที่เขาใช้อัตราเดียวแล้ว การที่กดให้ราคาลงต่ำด้วยภาษีเทียร์ 3 เทียร์ 4 ทุกคนก็คงอยากจะลงไปเลนตรงนั้นแต่ในความเป็นจริงอุตสาหกรรมยาสูบหรือบุหรี่ถูกกฎหมายไม่สามารถทำได้ เพราะราคาขายมันจะต่ำกว่าต้นทุนที่เป็นจริง แค่ภาษี 2 เทียร์ ก็แย่กันมากแล้ว หากรัฐบาลใช้โครงสร้างภาษีบุหรี่แบบ 3 เทียร์ 4 เทียร์จริงคงพังกันทั้งระบบ และคนที่จะตายก่อนใครเพื่อน คือ การยาสูบแห่งประเทศไทย และชาวไร่ยาสูบ ส่วนรัฐก็สูญเสียรายได้จากภาษีจำนวนมหาศาลเพราะคนจะลงไปเล่นในกลุ่มภาษีต่ำกันหมด ” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังได้กล่าวว่าเมื่อครั้งไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับกรมสรรพสามิต ว่าการหารือกับกรมสรรพสามิต ยังจะไม่ได้ข้อสรุปโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ แม้ว่าโครงสร้างที่ใช้ในปัจจุบันจะมีปัญหาผลกระทบกับอุตสาหกรรมยาสูบทั้งระบบก็ตาม บุหรี่มีราคาแพงจนมีบุหรี่เถื่อนจำนวนมาก ซึ่งต้องมีการหารืออย่างรอบด้านเสียก่อน ซึ่งโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบที่ใช้อยู่มี 2 อัตรา คือ การจัดเก็บตามมูลค่า โดยราคาขายปลีกที่ต่ำกว่าซองละ 72 บาท จัดเก็บภาษีในอัตรา 25% ส่วนราคาขายปลีกที่มากกว่าซองละ 72 บาท จัดเก็บภาษีในอัตรา42% ขณะเดียวกัน ยังมีการจัดเก็บภาษีตามปริมาณอีกที่ 1.25 บาทต่อมวน และยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)ภาษีที่ต้องตัดจ่ายให้กับองค์กรต่างๆ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), กองทุนพัฒนากีฬา, กองทุนคนชรา เป็นต้น รวมทั้งยังมีภาษีท้องถิ่นต่างๆ ที่ต้องมาคุยกันถึงโครงสร้างทั้งหมดว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
ขณะที่ นายอัจฉริยะ วัฒนาพร ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมยาสูบในประเทศไทย เผชิญวิกฤตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการจัดเก็บภาษีที่สูง มีผลให้บุหรี่ถูกกฎหมายแพงขึ้นกว่าเท่าตัว คนจึงหันไปหาซื้อบุหรี่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีราคาถูกกว่าและหาซื้อได้ง่ายในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายที่เข้ามาจำหน่ายในตลาดทั่วไป ทำให้อุตสาหกรรมและผู้ปลูกยาสูบได้รับผลกระทบอย่างมาก
“ตอนนี้ อุตสาหกรรมยาสูบในประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอมาก ไม่สามารถแบกรับภาระภาษีใดๆ เพิ่มเติมได้อีก เช่น ข้อเสนอจัดเก็บภาษียาสูบเพิ่มเติมสำหรับกองทุนอากาศสะอาด ซึ่งภาครัฐเองก็มีกองทุนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วและสามารถปรับปรุงเงินงบประมาณเพื่อนำมาใช้ดำเนินการด้านอากาศสะอาดได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการจัดเก็บเงินภาษีเพิ่ม ภาคีฯ เห็นว่าการจัดเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์ยาสูบเพิ่มเติมนอกจากจะเพิ่มภาระทางภาษีและสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวไร่ยาสูบแล้ว ยังเป็นการทำงานซ้ำซ้อนและทำให้การบริหารการเงินของรัฐบาลขาดประสิทธิภาพและไม่สามารถนำเงินหลวงมาใช้จ่ายในโครงการอื่นที่จำเป็นในอนาคตได้”
ด้านนายปริญญา ต๊ะต้องใจ เกษตรกรชาวไร่ยาสูบ กล่าวว่า โครงสร้างภาษีในปัจจุบัน ทำให้บุหรี่ถูกกฎหมายในประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันได้ รวมถึงปัญหาบุหรี่เถื่อนที่เข้ามาตีตลาด ทำให้รายได้ของการยาสูบแห่งประเทศไทยลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภาครัฐโดยกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ยังมีแนวทางกำหนดในร่างกฎกระทรวงห้ามผลิตภัณฑ์ยาสูบใส่สารประกอบที่จำเป็นต่อการผลิตยาสูบ ซึ่งจะทำให้ใบยาสูบไทยแข่งขันได้ยากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่เถื่อนไม่ได้มีกฎหมายควบคุมจึงไม่มีข้อจำกัดเรื่องสารปรุงแต่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้มองไม่เห็นอนาคตของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบว่าจะแข่งขันได้อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี