‘ประชัย’ชี้ 14 ข้อน่ากังวลจากผลกระทบ‘บาทแข็ง’ หวั่นซ้ำรอยวิกฤติ‘ต้มยำกุ้ง’
1 ต.ค.67 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) แสดงวิสัยทัศน์เรื่อง “ค่าเงินบาท” ระบุว่า... ความเกี่ยวโยงระหว่างดอกเบี้ยเงินบาท/อัตราแลกเปลี่ยน/การดำเนินกิจการ/การว่าจ้างแรงงาน/การจับจ่ายใช้สอยของคนงาน/การค้าการลงทุน/การธนาคาร หนี้สิน/GDP/การลงทุนทางเศรษฐกิจ
GDP = Government Spending (G) + (Export - Import) (DE) + Investment . I + Domestic Consumption (D)
ถ้าดอกเบี้ยเงินตราดอลลาร์ลดลงแต่ดอกเบี้ยเงินบทเพิ่มขึ้น เงินบาทจะแข็งขึ้น อัตราแลกเปลี่ยน บาท/ดอลลาร์ ถ้าสูงขึ้น 10% และอัตราแลกเปลี่ยนของคู่แข่ง ดอลลาร์ ลดลง 10% รวมแล้วต้นทุนของเราจะสูงขึ้น 20% ราคาสินค้าที่มีต้นทุนเท่ากับคู่แข่งจะแพงกว่าคู่แข่ง 20%ทำให้เราสู้คู่แข่งไม่ได้ ผลทำให้สินค้าขั้นปฐมต้องลดลง 20% สินค้าขั้นทุติยภูมิและตติยภูมิต้องเลิกผลิต
1.ทำให้โรงงานปิดหมด (Factory Closures)
2.ทำให้คนงานตกงาน (Unemployment) เพิ่ม
3.คนงานขาดเงินจับจ่ายใช้สอย (Consumption) ลด
4.การลงทุนขยายโรงงานไม่เกิด (No Investment)
5.หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น
6.การธนาคารต้องสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับเงินปล่อยกู้ธนาคารให้สูงขึ้นอีก
7.ธนาคารเลิกปล่อยกู้ให้ NPL's ธุรกิจซบเซาหนักขึ้น
8.รัฐเก็บภาษีเงินได้ , VAT , ค่าธรรมเนียมลดลง ทำให้งบประมาณลดลง
9.Government Spending ถูกตัดให้ลดลง
10.GDP ถูกลดลง
11.เงินสำรองเงินตราต่างประเทศ ต้องลดลง ไปเรื่อยๆ
ถ้ารายได้ Export หายไปมากๆ และโรงงานปิดมากๆ ประเทศต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจ ทำให้ไม่มี เงินสำรอง เงินตราต่างประเทศ พอที่จะออกบัตร ได้อาจจะนำไปสู่ เหตุการณ์ต้มยำกุ้งซ้ำรอย ที่เวิลด์แบงค์ต้องการ เพราะเขาจะได้ ทำสัญญาให้ไทยกู้เงินตราต่างประเทศแล้วรีดไถทรัพย์สิน ตาม เงื่อนไข ในสัญญาที่ เอา สมบัติของชาติยกไปให้ ในราคาถูกให้แก่พวกฉลามนิวยอร์ก ซึ่ง เจ้าของเป็นนายของ World Bank ได้(เรื่องนี้ท่านผู้ว่าฯน่าจะรู้ดีเพราะเป็นผู้ช่วย world bank มาคุมคุณธารินทร์ปฏิบัติตามสัญญา)
12.สำหรับต้มยำกุ้งครั้งที่แล้วอัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศของเงินบาทตกลงมามากทำให้การส่งออกการว่าจ้างแรงงาน พืชผลทางการเกษตรราคาดีขึ้น แลกกับ การสูญเสีย ทรัพย์สิน และกิจการ ของ นายทุน เล็กใหญ่ใหญ่น้อยตั้งแต่ SME จนถึง นายทุนใหญ่ทั้งหลายที่ไปกู้ดอลลาร์มา และการที่จะต้อง โอนสมบัติโรงงาน ใหม่ๆไปให้กับ คนต่างชาติในราคาถูก รวมทั้งระบบการธนาคารของประเทศไทยด้วย ซึ่งทำให้ธนาคารของสิงคโปร์ มาเป็นเจ้าของธนาคารใหญ่ๆในประเทศไทย เกือบทุกแห่ง อนึ่งผู้ใช้แรงงาน ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนมากมายเท่าไหร่เพราะปัจจัยการผลิตโรงงาน เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆมีเทคโนโลยี ที่สูงกว่า เพื่อนบ้าน และสินค้า ก็ขายได้ Export ก็ขายได้เป็นเทน้ำเทท่าแต่ผู้ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดก็คือนายทุนที่ไปกู้เงินดอลลาร์มาลงทุนใน โรงงานอุตสาหกรรม และ SME ทั้งหลายซึ่งทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว แต่สำหรับ ในครั้งนี้ เหตุการณ์จะไม่เหมือนกันเพราะเครื่องจักรล้าสมัยหมดแล้ว และโรงงานก็ปิดไปมากแล้วเหตุการณ์ก็ได้ยืดเยื้อมานาน หลายปี ตามแผนอเมริกา ซึ่งวางแผน ให้ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆย้ายไปอยู่ ในประเทศเพื่อนบ้านของเราเช่นเวียดนาม เพื่อที่จะ สร้างแนวต้านทาน อิทธิพลจากจีน หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น ที่สุดสถานการณ์ก็ฟื้นไม่ได้ ประเทศล่มจมอย่างเดียว
13.ก่อนจะไปถึงข้อ12. เรายังมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่2แสนกว่าล้านเหรียญสรอ.และเงินดอลลาร์ล่วงหน้าอีก 8,000 ล้านดอลลาร์ ถ้าผู้ว่าฯเป็นคนไทยไม่อยากให้ประเทศแตกสลายต้องการให้ประเทศไทยเจริญเติบโตประชาชนอยู่ดีกินดีไม่ต้องวิ่งไปของานทำในอเมริกาหรือเวียตนาม ประเทศโชติช่วงชัชวาล
ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนให้เงินบาทอ่อนลง10-20%เป็น ฿38: us$1 ทุกอย่างจะได้กลับมารุ่งเรืองอีกทั้งการว่าจ้างแรงงานการค้าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวการลงทุนการศึกษาการพัฒนาคุณภาพของประชาชนชาวไทยความอยู่ดีกินดีของคนไทย
14.ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถทำให้เงินบาทแข็งที่ 38 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ว่าผู้ก่อการร้ายที่จะมาปั่นค่าเงินบาทให้แข็งยังไงเราก็สามารถที่จะทำให้เงินบาทอ่อนถึงอัตรา 38 บาทต่อดอลลาร์ ได้ง่ายนิดเดียว สมมุติว่าผู้ก่อการร้ายพวกนี้ มันเอาดอลลาร์เข้ามาขาย 1 ล้านล้านเหรียญประเทศไทยก็สามารถพิมพ์ธนบัตรออกมา 38 ล้านล้านบาท ไปแลกซื้อดอลลาร์ของมันแล้วเราก็เอาดอลลาร์มาเก็บเป็นเงินสำรองเงินตราต่างประเทศเพื่อมาสำรองการออกบัตร 38 ล้านล้านบาทเพื่อเอาไปใช้ซื้อดอลล่าร์จากมัน และถ้ามันเอาเงินมามากกว่านี้ มันก็ยิ่งดี ธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะเอามาเป็นเงินสำรองเงิน ตราต่างประเทศของไทนเป็นดอลลาร์แลกกับเงินบาทที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกบัตร M One Money Supply ให้มันไป
เพราะฉะนั้น ถ้ามันเอาเงินเข้ามา Infinity Dollars เราก็สามารถออกบัตร Infinity Bahts เป็นเงินบาทไทยให้มัน ไม่ต้องกลัวว่าเราไม่มีความสามารถในการป้องกัน ไม่ให้เงินบาทอ่อน ถ้าเราต้องการให้เงินบาทอ่อนมันง่ายนิดเดียวอยู่แล้วที่ 38-40 บาท/ดอลล่าร์ ผลที่ตามมาสำหรับระบบการเงินของประเทศไทยก็คือธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศขึ้นมามากมาย ซึ่งจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถออกบัตร M1 money supply ได้เพิ่มขึ้นอีกด้วยและธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถกำไรจากการเพิ่มขึ้นของเงินตราต่างประเทศและเงินบาทที่ออกเพิ่มขึ้น M1 money supply จากดอกเบี้ยทำให้สามารถลดดอกเบี้ยเงินกู้สภาพคล่อง M2 Money Supply ก็จะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล แล้วแต่นโยบายการคลังจะปล่อยออกมาเท่าไหร่ ผู้ส่งออกก็สามารถส่งออกสินค้าได้ มีกำไรอย่างสบาย การว่าจ้างแรงงานก็จะเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจก็จะรุ่งเรือง โชติช่วงชัชวาลศรีวิไล รัฐบาลจะมีโอกาสใช้เงินพวกนี้เอาไปทำโครงสร้างพื้นฐานให้ชาวไร่ชาวนาสามารถทำการเพาะปลูกต้นทุนถูกลงไปอย่างมากในแง่การทำประโยชน์ให้กับประชาชนรัฐบาลสามารถพัฒนาการรักษาพยาบาลให้เป็นชั้น 1 ของโลก และการศึกษาก็สามารถพัฒนาให้เป็นการศึกษาชั้น 1 ของโลกพร้อมด้วยการศึกษาการวิจัย Research and Development สำหรับวิทยาการใหม่ๆ เป็นแหล่งการศึกษาที่ 1 ของโลกได้อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 60 ปีที่แล้วในขณะที่เงินเยนอยู่ที่ประมาณ 250 ถึง 300 เยน ต่อดอลลาร์ เป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นเจริญเติบโตมากที่สุด ทุกอย่างพัฒนาไปอย่างสวยงาม
จีนก็เช่นกัน ตอนที่จีนมีอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน มีค่าต่ำ เป็นช่วงเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมานี้ก็ทำให้ประเทศจีนเจริญเติบโตมาก ถ้าเราต้องการให้ประเทศไทยเจริญเติบโตเราไม่ควรจะให้ เงินบาทมีอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทแข็งเกินไป อย่างเช่นปัจจุบันนี้ซึ่งจะยับยั้งการเจริญเติบโตของไทยและในทางตรงกันข้ามจะทำให้ประเทศไทยล่มจมฉิบหายกันหมดทั้งประเทศ แต่ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนของ เงินบาทอ่อนไปถึง 38 หรือ 40 บาทต่อดอลลาร์ ประเทศไทยจะอยู่ในสภาวะที่ปรับตัวให้แข็งแรงและก็มีเงินตราต่างประเทศเข้ามามากมายที่จะพัฒนาประเทศได้ ซึ่ง World Bank ไม่สนับสนุนเรื่องนี้เพราะมันเป็นการขัดกับผลประโยชน์ของรัฐบาลอเมริกา ซึ่งต้องการให้ทุกประเทศ ยากจน และต่ำต้อยกว่าคนอเมริกัน
นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังสามารถสั่งให้สมาคมธนาคารและธนาคารทุกแห่งใช้วิธี arbritage ชั่วคราวให้ 1 ดอลลาร์ถ้ามาซื้อขายล่วงหน้าให้แบงค์ชาติแบงค์ชาติจะให้ค่าพรีเมี่ยม เดือนละ 1 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะถึงค่า 40 บาทต่อดอลลาร์แล้วหลังจากนั้นค่อยเปลี่ยน อัตราพรีเมี่ย ต่อไป เพื่อสร้างเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนที่ 38 บาทถึง 40 บาทต่อดอลลาร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี