นางสาวกนกวรรณ ใจศรี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสายงาน SME Upcountry 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)กล่าวว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับกลุ่มซัพพลายเชนในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกนั้นซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีโอกาสเติบโตสูงจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ของภาคเอกชน อย่างไรก็ดี ในยุคสมัยที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง เจ้าของธุรกิจหรือร้านค้าซัพพลายเชน ต้องบริหารธุรกิจ วิเคราะห์ข้อมูล อัปเดตความรู้ด้านเศรษฐกิจ บริหารต้นทุน ผนึกกำลังกับพันธมิตร รวมถึงการจัดหน้าร้านตามหลักฮวงจุ้ยให้ดึงดูดลูกค้า และน่าสนใจ จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ธนาคารมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการปรับตัวแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมนำความรู้ในแง่มุมต่างๆ และโซลูชั่นทางการเงินเพื่อตอบโจทย์การแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการรับมือกับความท้าทาย สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวกัญญารัตน์ กาญจนวิสุทธิ์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก SCB EIC ระบุว่า SCB EIC คาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนโครงการภาครัฐ ในช่วงที่เหลือของปี 2567 จะมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เป็นแรงส่งต่อเนื่องไปถึงปี 2568 ที่คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนโครงการภาครัฐ จะมีมูลค่า 8.2 แสนล้านบาท ขยายตัว 3% เมื่อเทียบกับปี 2567 จากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 และโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการที่คาดว่าจะเปิดประมูลใหม่ และโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องมาจากในอดีต
ส่วนโครงการภาคเอกชน ปี 2568 คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 6.1 แสนล้านบาท ขยายตัว1% เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปัจจัยหนุนจากการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ได้แก่ พื้นที่ค้าปลีก และอาคารสำนักงานให้เช่า ที่เปิดตัวโครงการใหม่และปรับปรุงใหม่ค่อนข้างมาก ในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยว ส่วนการก่อสร้างอสังหาฯประเภทที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มชะลอตัว
“ผู้รับเหมาในอุตสาหกรรมก่อสร้างจึงควรเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ ด้วยการผนึกพันธมิตรทางธุรกิจเข้าประมูลโครงการรัฐและเอกชน เพื่อบริหารความเสี่ยง ขณะเดียวกัน จะต้องยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตระหว่างโครงการรัฐและเอกชน อีกทั้งยังต้องบริหารต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยอาจนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานพื้นฐานบางส่วน เพื่อรักษาอัตรากำไรขณะที่ผู้ผลิตและผู้ค้าวัสดุก่อสร้างควรกระจายความเสี่ยงนำเข้าวัตถุดิบ หรือวัสดุก่อสร้างจากหลายแหล่ง ไปพร้อมกับการคัดสรรสินค้าที่ได้มาตรฐาน และดูแลสิ่งแวดล้อม เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ และเอกชน เริ่มกำหนดกติกาการใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”
นางสาวจิรภา บุญพาสุข นักวิเคราะห์ SCB EIC กล่าวว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมไฟฟ้ากำลังหรือ Power electronics ในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับปี 2567 เป็นผลมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและก่อสร้างโรงไฟฟ้าในตลาดโลกและอาเซียน ขณะที่ตลาดในประเทศยังมีแนวโน้มขยายตัวจากการก่อสร้างโครงการภาครัฐและเอกชน แต่ยังมีประเด็นที่น่าจับตา คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางซึ่งอาจกระทบต่อความต้องการสินค้าในหมวดนี้
“สินค้าแผงสวิตช์ หม้อแปลงไฟฟ้า ปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เพราะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะในสหรัฐ ขณะที่ส่งออกไปจีนอาจแผ่วลงจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว ขณะที่สายไฟ สายเคเบิล ปีหน้าจะขยายตัวได้ราว 2% เนื่องจากญี่ปุ่น สหรัฐฯ มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงานสะอาด ส่วนประเทศในกลุ่ม CLMV มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้างโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ด้านแนวโน้มในระยะกลางคาดว่าขยายตัวจากการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ความต้องการสายไฟ สายเคเบิลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น”
โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมไฟฟ้ากำลังที่น่าจับตามอง คือ กระแสอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว ทำให้เกิดความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อมโยงไปกับเทรนด์รักษ์โลก การเติบโตของเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด และดาต้าเซ็นเตอร์ ประกอบกับความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิต โดยมีไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย ขณะที่สินค้าหม้อแปลง และเซมิคอนดักเตอร์ สายไฟ ของไทย เริ่มเกาะไปกับกระแสโลกแล้ว ผู้ประกอบการจึงควรวางกลยุทธ์ปรับตัวหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมมีการพัฒนาการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเพื่อเกาะไปกับกระแสอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว ตลอดจนการส่งเสริมการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะสูง รับการเปลี่ยนผ่านด้านการผลิตและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี