‘ประชัย’ยกบทสรุป 17 ข้อ ฉายภาพ‘เศรษฐกิจไทย’กับ‘ค่าเงินบาท’ ที่แบงก์ชาติต้องตัดสินใจ

‘ประชัย’ยกบทสรุป 17 ข้อ ฉายภาพ‘เศรษฐกิจไทย’กับ‘ค่าเงินบาท’ ที่แบงก์ชาติต้องตัดสินใจ

วันอาทิตย์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 23.20 น.

"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์"ยกบทสรุป 17 ข้อ ฉายภาพ"เศรษฐกิจไทย"กับ"ค่าเงินบาท" ที่แบงก์ชาติต้องตัดสินใจ

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) แสดงวิสัยทัศน์เรื่อง “ค่าเงินบาท” ระบุว่า... ความเกี่ยวโยงระหว่างดอกเบี้ยเงินบาท/อัตราแลกเปลี่ยน/การดำเนินกิจการ/การว่าจ้างแรงงาน/การจับจ่ายใช้สอยของคนงาน/การค้าการลงทุน/การธนาคาร หนี้สิน/GDP/การลงทุนทางเศรษฐกิจ


GDP = Government Spending (G) + (Export - Import) (DE) + Investment . I + Domestic Consumption (D)

ถ้าดอกเบี้ยเงินตราดอลลาร์ลดลงแต่ดอกเบี้ยเงินบทเพิ่มขึ้น เงินบาทจะแข็งขึ้น อัตราแลกเปลี่ยน บาท/ดอลลาร์ ถ้าสูงขึ้น 10% และอัตราแลกเปลี่ยนของคู่แข่ง ดอลลาร์ ลดลง 10% รวมแล้วต้นทุนของเราจะสูงขึ้น 20% ราคาสินค้าที่มีต้นทุนเท่ากับคู่แข่งจะแพงกว่าคู่แข่ง 20%ทำให้เราสู้คู่แข่งไม่ได้ ผลทำให้ราคาของสินค้าขั้นปฐมต้องลดลง 20% สินค้าขั้นทุติยภูมิและตติยภูมิต้องเลิกผลิต

1.ทำให้โรงงานปิดหมด (Factory Closures)

2.ทำให้คนงานตกงาน (Unemployment) เพิ่ม

3.คนงานขาดเงินจับจ่ายใช้สอย (Consumption) ลด

4.การลงทุนขยายโรงงานไม่เกิด (No Investment)

5.หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น

6.การธนาคารต้องสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับเงินปล่อยกู้ธนาคารให้สูงขึ้นอีก

7.ธนาคารเลิกปล่อยกู้ให้ NPL's ธุรกิจซบเซาหนักขึ้น

8.รัฐเก็บภาษีเงินได้ , VAT , ค่าธรรมเนียมลดลง ทำให้งบประมาณลดลง

9.Government Spending ถูกตัดให้ลดลง

10.GDP ถูกลดลง

11.เงินสำรองเงินตราต่างประเทศ ต้องลดลง ไปเรื่อยๆ

ถ้ารายได้ Export หายไปมากๆ และโรงงานปิดมากๆ ประเทศต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจ ทำให้ไม่มี เงินสำรอง เงินตราต่างประเทศ พอที่จะออกบัตร ได้อาจจะนำไปสู่ เหตุการณ์ต้มยำกุ้งซ้ำรอย ที่เวิลด์แบงค์ต้องการ เพราะเขาจะได้ ทำสัญญาให้ไทยกู้เงินตราต่างประเทศแล้วรีดไถทรัพย์สิน ตาม เงื่อนไข ในสัญญาที่ เอา สมบัติของชาติยกไปให้ ในราคาถูกให้แก่พวกฉลามนิวยอร์ก ซึ่ง เจ้าของเป็นนายของ World Bank ได้(เรื่องนี้ท่านผู้ว่าฯน่าจะรู้ดีเพราะเป็นผู้ช่วย world bank มาคุมคุณธารินทร์ปฏิบัติตามสัญญา)

12.สำหรับต้มยำกุ้งครั้งที่แล้วอัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศของเงินบาทตกลงมามากทำให้การส่งออกการว่าจ้างแรงงาน พืชผลทางการเกษตรราคาดีขึ้น แลกกับ การสูญเสีย ทรัพย์สิน และกิจการ ของ นายทุน เล็กใหญ่ใหญ่น้อยตั้งแต่ SME จนถึง นายทุนใหญ่ทั้งหลายที่ไปกู้ดอลลาร์มา และการที่จะต้อง โอนสมบัติโรงงาน ใหม่ๆไปให้กับ คนต่างชาติในราคาถูก รวมทั้งระบบการธนาคารของประเทศไทยด้วย ซึ่งทำให้ธนาคารของสิงคโปร์ มาเป็นเจ้าของธนาคารใหญ่ๆในประเทศไทย เกือบทุกแห่ง อนึ่งผู้ใช้แรงงาน ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนมากมายเท่าไหร่เพราะปัจจัยการผลิตโรงงาน เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆมีเทคโนโลยี ที่สูงกว่า เพื่อนบ้าน และสินค้า ก็ขายได้ Export ก็ขายได้เป็นเทน้ำเทท่าแต่ผู้ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดก็คือนายทุนที่ไปกู้เงินดอลลาร์มาลงทุนใน โรงงานอุตสาหกรรม และ SME ทั้งหลายซึ่งทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว แต่สำหรับ ในครั้งนี้ เหตุการณ์จะไม่เหมือนกันเพราะเครื่องจักรล้าสมัยหมดแล้ว และโรงงานก็ปิดไปมากแล้วเหตุการณ์ก็ได้ยืดเยื้อมานาน หลายปี ตามแผนอเมริกา ซึ่งวางแผน ให้ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆย้ายไปอยู่ ในประเทศเพื่อนบ้านของเราเช่นเวียดนาม เพื่อที่จะ สร้างแนวต้านทาน อิทธิพลจากจีน หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น ที่สุดสถานการณ์ก็ฟื้นไม่ได้ ประเทศล่มจมอย่างเดียว

13.ก่อนจะไปถึงข้อ 12 เรายังมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ 2 แสนกว่าล้านเหรียญสรอ.และเงินดอลลาร์ล่วงหน้าอีก 8,000 ล้านดอลลาร์ ถ้าผู้ว่าฯเป็นคนไทยไม่อยากให้ประเทศแตกสลายต้องการให้ประเทศไทยเจริญเติบโตประชาชนอยู่ดีกินดีไม่ต้องวิ่งไปของานทำในอเมริกาหรือเวียตนาม ประเทศโชติช่วงชัชวาล 

ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนให้เงินบาทอ่อนลง 10-20% เป็น ฿38: us$1 ทุกอย่างจะได้กลับมารุ่งเรืองอีกทั้งการว่าจ้างแรงงานการค้าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวการลงทุนการศึกษาการพัฒนาคุณภาพของประชาชนชาวไทยความอยู่ดีกินดีของคนไทย

14.ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถทำให้เงินบาทแข็งที่ 38 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ว่าผู้ก่อการร้ายที่จะมาปั่นค่าเงินบาทให้แข็งยังไงเราก็สามารถที่จะทำให้เงินบาทอ่อนถึงอัตรา 38 บาทต่อดอลลาร์ ได้ง่ายนิดเดียว สมมุติว่าผู้ก่อการร้ายพวกนี้ มันเอาดอลลาร์เข้ามาขาย 1 ล้านล้านเหรียญประเทศไทยก็สามารถพิมพ์ธนบัตรออกมา 38 ล้านล้านบาท ไปแลกซื้อดอลลาร์ของมันแล้วเราก็เอาดอลลาร์มาเก็บเป็นเงินสำรองเงินตราต่างประเทศเพื่อมาสำรองการออกบัตร 38 ล้านล้านบาทเพื่อเอาไปใช้ซื้อดอลล่าร์จากมัน และถ้ามันเอาเงินมามากกว่านี้ มันก็ยิ่งดี ธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะเอามาเป็นเงินสำรองเงินตราต่างประเทศของไทนเป็นดอลลาร์แลกกับเงินบาทที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกบัตร M One Money Supply ให้มันไป 

เพราะฉะนั้น ถ้ามันเอาเงินเข้ามา Infinity Dollars เราก็สามารถออกบัตร Infinity Bahts เป็นเงินบาทไทยให้มัน ไม่ต้องกลัวว่าเราไม่มีความสามารถในการป้องกัน ไม่ให้เงินบาทอ่อน ถ้าเราต้องการให้เงินบาทอ่อนมันง่ายนิดเดียวอยู่แล้วที่ 38-40 บาท/ดอลล่าร์ ผลที่ตามมาสำหรับระบบการเงินของประเทศไทยก็คือธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศขึ้นมามากมาย ซึ่งจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถออกบัตร M1 money supply ได้เพิ่มขึ้นอีกด้วยและธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถกำไรจากการเพิ่มขึ้นของเงินตราต่างประเทศและเงินบาทที่ออกเพิ่มขึ้น M1 money supply จากดอกเบี้ยทำให้สามารถลดดอกเบี้ยเงินกู้สภาพคล่อง M2 Money Supply ก็จะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล แล้วแต่นโยบายการคลังจะปล่อยออกมาเท่าไหร่ ผู้ส่งออกก็สามารถส่งออกสินค้าได้ มีกำไรอย่างสบาย การว่าจ้างแรงงานก็จะเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจก็จะรุ่งเรือง โชติช่วงชัชวาลศรีวิไล รัฐบาลจะมีโอกาสใช้เงินพวกนี้เอาไปทำโครงสร้างพื้นฐานให้ชาวไร่ชาวนาสามารถทำการเพาะปลูกต้นทุนถูกลงไปอย่างมากในแง่การทำประโยชน์ให้กับประชาชนรัฐบาลสามารถพัฒนาการรักษาพยาบาลให้เป็นชั้น 1 ของโลก และการศึกษาก็สามารถพัฒนาให้เป็นการศึกษาชั้น 1 ของโลกพร้อมด้วยการศึกษาการวิจัย Research and Development สำหรับวิทยาการใหม่ๆ เป็นแหล่งการศึกษาที่ 1 ของโลกได้อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 60 ปีที่แล้วในขณะที่เงินเยนอยู่ที่ประมาณ 250 ถึง 300 เยน ต่อดอลลาร์ เป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นเจริญเติบโตมากที่สุด ทุกอย่างพัฒนาไปอย่างสวยงาม 

จีนก็เช่นกัน ตอนที่จีนมีอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน มีค่าต่ำ เป็นช่วงเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมานี้ก็ทำให้ประเทศจีนเจริญเติบโตมาก ถ้าเราต้องการให้ประเทศไทยเจริญเติบโตเราไม่ควรจะให้ เงินบาทมีอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทแข็งเกินไป อย่างเช่นปัจจุบันนี้ซึ่งจะยับยั้งการเจริญเติบโตของไทยและในทางตรงกันข้ามจะทำให้ประเทศไทยล่มจมฉิบหายกันหมดทั้งประเทศ แต่ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนของ เงินบาทอ่อนไปถึง 38 หรือ 40 บาทต่อดอลลาร์ ประเทศไทยจะอยู่ในสภาวะที่ปรับตัวให้แข็งแรงและก็มีเงินตราต่างประเทศเข้ามามากมายที่จะพัฒนาประเทศได้ ซึ่ง World Bank ไม่สนับสนุนเรื่องนี้เพราะมันเป็นการขัดกับผลประโยชน์ของรัฐบาลอเมริกา ซึ่งต้องการให้ทุกประเทศ ยากจน และต่ำต้อยกว่าคนอเมริกัน

นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังสามารถสั่งให้สมาคมธนาคารและธนาคารทุกแห่งใช้วิธี arbritage ชั่วคราวให้ 1 ดอลลาร์ถ้ามาซื้อขายล่วงหน้าให้แบงค์ชาติแบงค์ชาติจะให้ค่าพรีเมี่ยม เดือนละ 1 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะถึงค่า 40 บาทต่อดอลลาร์แล้วหลังจากนั้นค่อยเปลี่ยน อัตราพรีเมี่ย ต่อไป เพื่อสร้างเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนที่ 38 บาทถึง 40 บาทต่อดอลลาร์

15.ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์อ่อนจนถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปได้ และก็ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองกับประเทศ เพราะมันสามารถแก้ปัญหาตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 11 ได้ถึงระดับดี แต่ว่าถ้าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ต่ำมากกว่านี้คือ 1 ดอลลาร์มากกว่า 40 บาทอาจทำให้เกิดเงินเฟ้อมากเกินไปก็ได้

ถ้าเรามองภาพ
1.ค่าเงินบาท
2.ค่าเงินดอลล่าร์ 
และ 3.พลังสร้างความเจริญรุ่งเรืองอยู่ดีกินดีของประชาชน

เปรียบเทียบกับเขื่อนปั่นไฟฟ้าดังนี้

1.ค่าเงินบาท = ระดับของ turbine ปั่นไฟ
2.ค่าเงินดอลล่าร์ = ระดับของน้ำในเขื่อน
และ 3.พลังสร้างความเจริญบ้านเมืองการอยู่ดีกินดีของประชาชน = พลังงานไฟฟ้าที่ปั่นออกมาเป็นโมเดลของอัตราแลกเปลี่ยน กับ น้ำในเขื่อนไฟฟ้าและการปั่นไฟฟ้า

เราจะเห็นว่า ระดับน้ำในเขื่อนยิ่งสูงเหมือนกับค่าเงินดอลล่าร์ยิ่งสูงกว่าบาท (บาทอ่อน) ก็สามารถปั่นไฟได้ยิ่งมากขึ้น (เพิ่มพลังสร้างความเจริญ) แต่ถ้าระดับน้ำต่ำกว่าระดับของเครื่องปั่นไฟก็จะไม่สามารถปั่นไฟออกมาได้เลย (ความเจริญเติบโตไม่เกิด) ถ้าระดับน้ำ สูงเกินไปหรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอ่อนมากเกินไปก็จะทำให้เกิดน้ำท่วม (เศรษฐกิจเจิญร้อนแรงเกินหรือเงินเฟ้อมากเกินไป) ซึ่งมีผลร้ายก็คือน้ำจะท่วมพืชไร่ต่างๆ ในที่ต่ำ 

เพราะฉะนั้น ธนาคารประเทศไทยต้องใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง (optimization  policy) เพื่อคุมระดับ Exchange rate อย่าให้ต่ำเกินกว่า เท่าที่จำเป็นที่ต้องการที่จะเอาพลังออกมาใช้หรือเท่าที่จำเป็นที่เศรษฐกิจของประเทศต้องการตามนโยบายเศษฐกิจการเมือง (political economics) เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและความอยู่ดีกันดีของประชาชน

หน่วยราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเศรษฐกิจการเมืองการคลังของประเทศไทยไม่ควรจะเป็นหุ่นกระบอก หรือ humanoid หุ่นเชิดรับคำสั่งจาก world bank ฃึ่งรับคำสั่งจาก รมว.คลัง สรอ.ฃึ่งรับคำสั่งอีกต่อหนี่งจากฉลามนิวยอร์กเพื่อผลประโยชน์ของอเมริกัน เราควรมีระบบการควบคุมระบบการเงินการคล้งของเราเอง ใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง (optimization policy) เพื่อความเจริญเติบโตของประเทศ ความอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวไทย สร้างแผ่นดินนี้ให้เป็นแผ่นดินรุ่งเรืองศิวิไลซ์อย่างแท้จริง

ข้อ 16. ปัจจุบันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังอ้างกลไกตลาด ในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลล่าร์ และปล่อยให้ลอยละลิ่วไปตามธรรมชาติของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราซื่งอยู่ในอำนาจหน้าที่อันสำคัญยิ่งที่ผู้ว่าฯได้รับมอบหมายจากสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว และได้ถวายสัตย์ต่อพระองค์ท่านในการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนและ GDP Growth 3-10% ตามนโยบายของประเทศ

ดังที่ได้อธิบายในข้อ 1 ถึงข้อ 15 บทบาทและความสัมพันธ์เกี่ยวโยงระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนและกลไกเศรษฐกิจการเงินการคลังพอสรุปได้ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนการเงินประกอบด้วยคนหลากหลายประเภทไม่ใช่เป็นไปตามธรรมชาติอย่างเดียว ยังมีนักปั่นเก็งกำไรและมีผู้ก่อการร้ายนิวยอร์กที่หวังกำไรระดับประเทศหลายฝ่ายที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน ปะปนอยู่

ในประเทศไทย ธปท.มีหน้าที่ดูแลตวามเรีบยร้อย และเสถียรภาพการเงินเพื่อผลประโยขน์ของประเทศไทย และความอยู่ดีกินดีของประชาชาน น่าจะสามารถรักษาเสถียรภาพเงินบาทอ่อนอยู่ที่ระดับ 40 บาท/ดอลลาร์ได้ เพราะ ธปท.สามารถออกเงินบาทมาจ่ายให้ผู้ก่อการร้ายที่จะเอาเงินดอลลาร์เข้ามาปั่นขายในตลาด ธปท.ก็สามารถเข้าแทรกแซงได้เพราะมีเงินบาทพอ เพราะฉะนั้น สำหรับการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนของบาท/ดอลลาร์ให้อ่อนที่ 40/ดอลลาร์ มันก็อยู่ในความรับผิดชอบของ ธปท.ที่จะเป็นคนควบคุมให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์ได้เพราะมันเป็นอธิปไตยของประเทศไทย ไม่ใช่อยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารโลก

จากการวิเคราะห์ที่ว่า ธปท.สามารถทำให้บาทอ่อนได้ แต่ไม่สามารถทำให้บาทแข็งได้ และบาทอ่อนมีประโยชน์เพราะว่าจะทำให้การส่งออกดี การว่าจ้างแรงงานดี การทำธุรกิจต่าง ๆ มีสภาพคล่องดีทำให้ ธุรกิจใหญ่น้อยมีกำไรดี การลงทุนเพิ่มขื้นประชาชนอยู่ดีกินดี ทุกอย่างมันดีไปหมด จนถึงระดับจุดหนึ่งที่อัตราแลกเปลี่ยน 40 บาทต่อดอลลาร์ เลยจากระดับจุดนี้ไปอาจจะเกิดสภาพสภาวะเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อมากเกินว่าความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ของประเทศ ฉะนั้นมันก็เป็นระด้บจุดที่เสถียรภาพของเงินบาทที่ต้องรักษาไว้ แต่ถ้าเงินเฟ้อมากเกินไป เราก็อาจจะต้องเพิ่มดอกเบี้ย แล้วก็ทำให้เงินบาทแข็งขึ้น ซึ่งอยู่ในอำนาจของผู้ว่า ธปท.ที่จะทำ

ในแง่ทำให้เงินบาทอ่อนลง หรือทำให้ค่าเงินตราดอลลาร์มีค่าสูงขื้นเทียบกับค่าเงินบาท ทั้งหมดที่ได้อธิบายมาก็เหมือนกับ ธปท.มีหน้าที่และสามารถเพิ่มระดับน้ำในเขื่อนให้สูงขึ้น เมี่อผู้ว่าฯเมื่อมีดอลล่าร์ที่นักปั่นค่าเงินบาทเอาขายให้ธปท.อยู่ในมือ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปอย่างเจริญเติบโต GDP อาจจะโต 3-10% ได้อย่างที่จีนได้ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว 20 ปี และญี่ปุ่นก็เคยทำมาแล้วเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ธปท.ไม่ควรที่จะปล่อยให้ค่าบาท/ดอลล่าร์ลอยไปตามยถากรรมในเมื่อผู้ว่าแบงค์ชาติมีความสามารถที่จะควบคุมระดับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาท/ดอลล่าร์ให้อ่อนถึง 40 บาทได้ (แต่ถ้าจะให้แข็งไปเรื่อยๆไม่ได้ เพราะว่าแบงค์ชาติไม่สามารถพิมพ์ดอลลาร์มาสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายนิวยอร์กได้) เราสามารถที่จะพิมพ์เงินบาทเข้ามาสู้กับผู้ก่อการร้ายนิวยอร์กได้

อำนาจของการที่จะให้ระดับน้ำในเขื่อนสูงขึ้น เป็นอำนาจของผู้ว่าแบงค์ชาติซึ่งสามารถควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนได้ ถ้าปล่อยให้เงินบาทอ่อน เงินดอลลาร์สูงขึ้นก็คือระดับน้ำในเขื่อนสูงขึ้นก็จะเหมือนกับเทวดาที่สามารถดลบันดาลให้ระดับน้ำในเขื่อนสูงได้ เพราะนี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ ธปท.โดยตรง ไม่ใช่ปล่อยไปตามยถากรรมปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายนิวยอร์กมารังแกประเทศไทย หรือทำตาม World Bank ต้องการ เพราะ world Bank ไม่ได้หว้งดีกับประเทศไทย เขาต้องการให้ประเทศทุกประเทศอยู่ได้แต่จะต้องยากจน เป็นเด็กรับใช้ของเขาและของผู้ก่อการร้ายนิวยอร์ก

อนึ่ง อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 40 บาท/ดอลลาร์  นอกจากการเพิ่มพลังงานข้บเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจท้ังระบบทำให้  GDP โต 3%- 10% ได้แล้ว ธปท.ยังสามารถเก็บและได้ส่วนต่าง (กำไร) เงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นได้ ถ้า ธปท.กลัวว่าค่าเงินดอลลาร์จะตกเสื่อมค่า เราก็สามารถที่จะเก็บเงินสำรองเงินตราต่างประเทศนี้เป็นทอง และธปท.ก็สามารถเก็บทองเองได้ไม่จำเป็นต้องเอาไปฝากไว้ที่ Fort Knox ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าทองเก่าที่ ธปท.ได้นำไปฝากที่ Fort Knox เดี๋ยวนี้ละลายไปอยู่ใน printed circuit boards ที่ไหน แลัวเราจะเอาทองก้อนกลับมาตามเบอร์ของทองก้อนที่เราเอาไปฝากได้หรือไม่

ฉะนั้นเราควรเป็นที่พึ่งของตัวเราเอง เก็บทองไว้ในประเทศน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะว่าแม้แต่ประธานาธิบดีอเมริกาชื่อ Thomas Jefferson เขียนจารึกไว้ในรัฐสภาอเมริกันบอกว่า อเมริกาถือว่าทุกประเทศเป็นมิตรเสมอภาคกันหมด ไม่ใช่ทาสรับใช้เพราะฉะนั้นเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและประชาชนชาวไทย 

นอกจากเราจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ให้อ่อนที่ 40 บาท/ดอลลาร์ ธปท.ยังได้ผลประโยชน์จากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับเงินสำรองเงินตราต่างประเทศที่ธปท.มีอยู่ 260,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นส่วนต่างเงินบาท (กำไร) ได้ 260,000×(40-32.5)=1.95 ล้านล้านบาท รวมดอลลาร์รับล่วงหน้า 26,000 ล้านเหรียญ ซึ่งนักปั่นค่าเงินบาทขายล่วงหน้าให้แก่ ธปท.คิดเป็นส่วนต่าง (กำไร) 26,000 (40-32.5)=195,000 ล้านบาท

ถ้าธปท.เข้า แทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนจาก 32.5 บาท/ดอลลาร์ เป็น 40 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่ ธปท.อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ และเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของ ธปท. เพื่อให้การดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังและวินัยทางการเงินการคลังที่ดี

ขอพระสยามเทวาธิราชขอดลบันดาลให้ ธปท.มีสติทำการเป็นมงคลอย่าให้ประเทศไทยเป็นต้มยำกุ้งซ้ำอย่าง 20 ปีที่แล้วที่ผู้ก่อการร้ายนิวยอร์คต้องการ

ข้อ 17.บทสรุปรัฐบาลไทย ในฐานะผูัคุมนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงนโยบายการคล้ง (politico economics including fiscal policy) และผู้ว่าแบงค์ชาติในฐานะผู้ควบคุมนโยบายการเงิน (monetary policy) น่าจะถามประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันว่า อยากจะให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็น 38 บาท ถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ แทนที่จะปล่อยให้มันแข็งอยู่ที่ 32.40 - 34.0 บาท อย่างทุกวันนี้หรือไม่ เพราะถ้า ธปท.รักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 38 - 40 บาท/ดอลลาร์ รัฐบาล และ ธปท.ก็จะสามารถแก้ไขความทุกข์ร้อนของประชาชน และความเสื่อมสลายของบ้านเมือง สร้างความมั่นคงและความเจริญเติบโตของชาติ และความอยู่ดีกินดีของประชาชนได้ ดังต่อไปนี้

1.จะทำให้ราคาพืชผลทางเกษตรเพิ่มขึ้น 10 - 20%

2.จะทำใหัสินค้าส่งออก Export สามารถเพิ่มปริมาณส่งออกได้ 10% และมีกำไรในธุรกิจต่างๆ ในขณะเดียวกันก็สามารถลดปริมาณการนำเข้าของสินค้า ซึ่งเป็นคู่แข่งของเราได้โดยไม่ต้องขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

3.จะทำให้โรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ และไม่มีความจำเป็นต้องปิดโรงงาน แต่มีโอกาสที่จะขยายโรงงานเพิ่มกำลังผลิต

4.จะทำให้คนงานไม่ตกงาน ค่าแรงก็จะทยอยกันเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน

5.จะทำให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยได้ตามอัตภาพไม่ขัดสน และไม่ต้องไปขายบ้านขายช่อง ขายที่ขายนา มาชำระหนี้

6.จะทำให้หนี้ครัวเรือนและหนี้สินบริษัทต่างๆ เป็นหนี้ที่ดี เป็นการลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

7.จะทำให้ธนาคารสามารถปล่อยกู้ได้ตามปรกติ และลดดอกเบี้ยให้ลูกหนึ้ได้ เพราะไม่ต้องสำรองหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้

8.จะทำให้โรงงานมีกำไร ผู้ประกอบการมีกำไรก็มีการลงทุนเพิ่มขึ้น การว่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น ต่างชาติก็จะแห่ผสมโรงตามมาลงทุนเพิ่มด้วย

9.จะทำให้มีการว่าจ้างแรงงานเพิ่มรายรับประชาชน การจับจ่ายใช้สอยภาคประชาชนมากขึ้น รัฐบาลสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น ทำให้มีงบประมาณแผ่นดินเพิ่มขึ้น

10.Gdp เพิ่มขึ้นเป็น 3 - 10% แทนที่จะเป็น 2.5% ตาม world bank พยากรณ์

11.เงินสำรองเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้แบงค์ชาติสามารถตั้งกองทุนพัฒนาประเทศ ให้กู้สำหรับเงินงบประมาณพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ได้ทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองศรีวิลัยเป็นประเทศชั้นนำของโลก ประชาชนอยู่ดีกินดี หากินโดยสุจริตได้โดยไม่ต้องมีมิจฉาทิฐิ

ถ้าประชาชนมีความเห็นต้องการความอยู่ดีกินดี ประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นประเทศชั้นนำของโลก และลูกหลานมีอนาคตที่ดีไม่ต้องไปของานทำที่อเมริกา หรือเวียดนาม รัฐบาลโดย กนง.และธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ต้องมีหน้าที่รักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ไว้ที่ 38 - 40 บาท/ดอลลาร์ ไม่ใช่ปล่อยให้แข็งอยู่ที่ 32.4 - 34บาท/ดอลลาร์ อย่างทุกวันนี้

การรักษาเสถียรภาพของเงินบาทไว้ที่ 38 บาท ถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ แทนที่จะเป็น 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ก็เหมือนกับว่าเป็นการกระจายรายได้ ให้กับประชาชนผู้มีส่วนร่วมในการทำให้การค้าการชำระเงินของประเทศเกินดุล (wealth  distribution) จากเงินที่ผู้จะส่งเงินตราออกไปนอกประเทศ เช่น ผู้นำเข้าสินค้า หรือผู้ว่าจ้างเหมาคนต่างประเทศโดยผ่านระบบการเงิน ที่ ธปท.มีหน้าที่เป็นกรรมการดูแลรักษา เพราะเงินสำรองเงินตราต่างประเทศเหล่านี้ ซึ่งให้พลังกับ ธปท.สามารถรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนได้มาจากการส่งออกสินค้า การให้การบริการชาวต่างชาติ การชักชวนให้ต่างชาติมาลงทุน ซึ่งล้วนมาจากหยาดเหงื่อแรงงานมันสมองความสามารถของคนไทย ที่ทำให้เกิดผลการค้าและการชำระเงินเกินดุล กลายมาเป็นเงินสำรองเงินตราต่างประเทศในรูปของดอลลาร์ หรือทองคำ มอบให้ ธปท.ดูแลตามกฎหมาย แต่เมื่อทรัพย์สมบัตินี้มีมากขึ้นถึงสองแสนหกหมื่นล้านเหรียญ หรือ 8.7 ล้านล้านบาท - 10.4 ล้านล้านบาท (33.5 บาท - 40 บาท/ดอลลาร์) หรือ 60% ของ gdp กลับมาทำร้ายประชาชนผู้มีพระคุณ โดย World Bank สั่งให้ ธปท.ผู้มีหน้าที่เฝ้าดูแลเสถียรภาพเงินบาทปล่อยให้บาทแข็งตามหลักกลไกตลาดของ commodity trading เป็น 32.4 บาท/ดอลลาร์ เพื่อไม่ให้ไทยดีกว่าชาติอื่นที่เขาต้องการสนับสนุน เช่น เวียดนาม แต่มันจะทำให้ไทยตกต่ำ และประชาชนผู้มีส่วนร่วมทำให้เงินเกินดุลเดือดร้อนอย่างทุกวันนี้ ฉะนั้น ธปท.ควรดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้สามารถผลิตสินค้าแข่งขันกับต่างชาติได้ เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจการเงิน เป็นประเทศชั้นนำของโลก แทนที่จะมาทำร้ายคนไทยด้วยกัน ทำให้เงินสำรองเงินตราต่างประเทศร่อยหรอไปพร้อมกับความเดือดร้อนของคนไทยและความเสื่อมโทรมของประเทศ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top