วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าทำยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.45 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 จาก 1.36 แสนล้านบาท ในปี 2567 และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 100% จากประมาณ 14,000 ล้านบาท (400 ล้านเหรียญสหรัฐ) เป็น 24,500-28,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล
โดยเบื้องต้นกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 ในการเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ รวมถึงการควบรวมกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
แบ่งเป็น 3 แกนหลัก ประกอบด้วย 1.เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ อาหารทะเลแปรรูป อาหารแช่เย็น และอาหารสัตว์ เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตใหม่ๆ
2. สร้างคลื่นลูกใหม่ของการเติบโตมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตเร็ว เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมทาน และอินกรีเดียนท์ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และ 3.การเปิดน่านน้ำใหม่ มุ่งเน้นการแสวงหาไอเดียและเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และโปรตีนทางเลือก เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในอนาคต
“โลกทุกวันนี้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตั้งแต่ผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ไปจนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกความท้าทายนำมาซึ่งโอกาส การเติบโตในโลกยุคใหม่ ไม่ใช่แค่การปรับตัวแต่เราต้องก้าวพ้นกระแสแห่งความผันผวนนี้ เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง เรามีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้ายอดขาย 2.45 แสนล้านบาท และเพิ่ม EBITDA เป็น 2 เท่าภายในปี 2573 เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ของบริษัท”นายธีรพงศ์ กล่าว
นายพอล เฮอร์โฮลซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และทรานส์ฟอร์เมชั่น บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ากลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 ที่ประกอบด้วย 3 แกนหลัก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยโอกาสการเติบโตทั้งจากธุรกิจในปัจจุบัน และธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการควบรวมกิจการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสู่ความสำเร็จในอีก 6 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทต้องวางรากฐานที่แข็งแกร่ง โดยจะดำเนินงานผ่าน 2 โปรเจกท์ทรานส์ฟอร์เมชั่น คือ โปรเจกท์โซนาร์ (Project Sonar) มุ่งวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว และโปรเจกท์เทลวินด์ (Project Tailwind) เร่งการเติบโตในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก
โดยการดำเนินโปรเจกท์โซนาร์ บริษัทตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนเฉลี่ยต่อปีได้ 2,625 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ทั้งนี้ประมาณ 40% ของเงินส่วนนี้จะถูกนำกลับมาลงทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจต่อไป ส่วนโปรเจกท์เทลวินด์ กำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) ประมาณ 1,750 ล้านบาท/ปี สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป และจะมุ่งเน้นไปที่การเร่งขับเคลื่อนการเติบโตจากการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในปัจจุบัน โดยบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะมุ่งสร้างการเติบโตจากการควบรวมกิจการ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ 3 เท่าอยู่ที่ประมาณ 52,500 ล้านบาท ภายในปี 2573
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี