วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม พร้อมเดินหน้านโยบายจากที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานครบรอบ 90 วันที่รัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” และมอบนโยบายแก่ข้าราชการระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคม เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย เพื่อลดภาระค่าครองชีพและค่าเดินทาง และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าด้วยราคา 20 บาท ในทุกสี ทุกเส้นทางในปี 2568
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการสำเร็จแล้วในรถไฟฟ้า 2 สาย คือ โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง จากสถิติผู้โดยสายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ขณะที่การดำเนินมาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายในทุกเส้นทาง ทุกสี และทุกสายนั้น กระทรวงคมนาคมขอยืนยันว่าการดำเนินการจะเป็นไปตามที่ได้กำหนดไว้ในเดือนกันยายน 2568 อย่างแน่นอน
ส่วนความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. ... นั้น ปัจจุบันได้ผ่านการอนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยจะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอต่อรัฐสภาต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย ด้วยการให้พัฒนาที่อยู่อาศัยของที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) สามารถผ่อนได้นานถึง 30 ปี อยู่อาศัยได้ 99 ปี ซึ่งจะทำให้คนไทยที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน สามารถมีบ้านที่มีคุณภาพสูงด้วยราคาประหยัด มีสาธารณูปโภคและการรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน พร้อมกับสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและประเทศอย่างยั่งยืน
นายสุริยะกล่าวว่า ส่วนเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เปิดประมูลโครงการ จนนำมาสู่การลงนามสัญญาจ้างร่วมกับ กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ซึ่งเป็นเอกชนผู้ชนะการประมูลนั้น ในปี 2568 กระทรวงคมนาคม มีแผนเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 อีก 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,312 กิโลเมตร (กม.) วงเงินรวม 298,060 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงปากน้ำโพ – เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 81,143 ล้านบาท, 2.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงิน 44,103 ล้านบาท, 3.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม.วงเงิน 7,900 ล้านบาท, 4.โครงการรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม.วงเงิน 30,422 ล้านบาท , 5. โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม.วงเงิน 66,270 ล้านบาท และ6.โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 68,222 ล้านบาท
โดยขั้นตอนในปัจจุบันทั้ง 6 เส้นทางได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้วอยู่ในระหว่างรอความคิดเห็นจากกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) พิจารณา คาดว่าจะได้ความคิดเห็นทั้ง 2 หน่วยงานภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2567 หากได้รับความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครบแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะนำเสนอโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง เพื่ออนุมัติการก่อสร้างต่อ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) โดยบรรจุเข้าวาระในการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือนมกราคม 2568 ก่อนทยอยเปิดประมูลโครงการแต่ละเส้นทางต่อไป
ในขณะที่ความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะ (เฟส) ที่ 2 ช่วง นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กม. วงเงิน 3.41 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างเสนอต่อกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) พิจารณาภายใน 1-2 เดือน ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปี 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี