"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์"จี้แบงก์ชาติเลิกอุ้มกลุ่มธนาคาร แนะลดดอกเบี้ยเพิ่มสภาพคล่องช่วยเหลือประชาชน
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ ว่า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นที่ว่าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธนาคารหรือไม่ โดยขณะนี้ได้ออกพันธบัตรของรัฐบาลมากกว่า 8 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยดูดสภาพคล่อง 8 ล้านล้านบาท ออกจากตลาด ทำให้กลุ่มธนาคารไม่ต้องปล่อยกู้ในดอกเบี้ยถูกให้กับประชาชนคนไทย แต่กลับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อบีบคั้นรีดเงินประชาชนคนไทย จนกระทั่งขณะนี้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านล้านบาท และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท และกำลังจะเพิ่มเป็น 4 ล้านล้านบาท เพราะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ควบคุมแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทให้อยู่ในระดับที่ทำให้ตันทุนสินค้าสู้กับคู่แข่งต่างชาติได้ ทั้งๆ ที่เรามี technology ดีกว่า หรือทัดเทียมกับคู่แข่งต่างชาติ เช่น ญวน อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีนหรือเกาหลีใตั โดยอ้างว่าต้องการปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นลงตามกลไกตลาดของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งที่วิญญูชนรู้ว่ามีการปั่นค่าเงินบาทโดยผู้ก่อการรัายนิวยอร์คและกลุ่มธนาคาร กล่าวคือท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยผู้มีความรู้สูงส่งยิ่งกว่าวิญญูชน และเป็นผู้ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศไทย
ทั้งนี้ รวมถึงการเป็นผู้ควบคุมดูแลรักษาอัตราแลกเปลี่ยน ให้มันเป็นไปในทางที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย สารภาพว่าท่านปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามกลไกตลาดโดยไม่ดูแลและแทรกแซงตามระบบ managed float ตามหน้าที่ของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แต่กลับปล่อยให้อยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ก่อการร้ายนิวยอร์คและกลุ่มธนาคารปั่นราคาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนให้มันแข็งขึ้น อย่างเช่นการปล่อยให้มีการฟิกส์เงินดอลลาร์ ให้มี Discount ที่ 3 สตางค์ต่อเดือนต่อดอลลาร์ ก็แปลว่าเขาจะทำให้เงินบาทแข็งขึ้น 3 สตางค์ต่อดอลลาร์ทุกๆ เดือน แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นไปตามการกลไกการตลาดเสรีได้อย่างไร
นายประชัย กล่าวอีกว่า การปั่นอัตราแลกเปลี่ยนให้เงินบาทมีค่าแข็งขึ้น ทำให้ต้นทุนสินค้าของไทยสูงกว่าคู่แข่งเมื่อคำนวณเทียบเป็นดอลลาร์ ทำให้เราไม่สามารถส่งออกสินค้าไปแข่งกับต่างประเทศได้ ทำให้การส่งออกลดลงในขณะเดียวกันทำให้สินค้าต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าเข้ามาตีตลาดภายในประเทศ ทั้งๆ ที่เราไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้า ยกเว้นน้ำมันดิบ วัตถุดิบบางชนิดและเครื่องจักรบางชนิด เพราะเรามีโรงงานที่ผลิตสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้และบริโภคได้อยู่แล้ว ทำให้โรงงานต่างๆ ต้องลดกำลังผลิตหรือปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งขณะนี้โรงงานกำลังจะปิดหมดอยู่แล้ว มีผลทำให้คนงานตกงานมากมาย ไม่มีเงินที่จะจับจ่ายใช้สอยและใช้หนี้ที่ก่อเอาไว้ เนื่องจากธนาคารรับเงินฝากที่ 2% กว่า แต่ว่าปล่อยกู้ในดอกเบี้ยมหาโหดที่ 6 ถึง 8% ขึ้นไป และยังมีหน้าไม่ปล่อยกู้ให้กับลูกค้าที่ธนาคารไม่ชอบขี้หน้า และต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะในการที่จะให้เงินกู้ ทำให้ธนาคารปล่อยกู้ไม่ออก มีเงินเหลืออยู่ในธนาคารมากมาย จึงถูกครหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธนาคาร โดยการออกพันธบัตรเพื่อไปดูดซับสภาพคล่องพวกนี้เอามา ให้รัฐวิสาหกิจต่างๆ ใช้ โดย ธปท.ไม่ได้ประโยชน์ แต่หน่วยงานรัฐเสียดอกเบี้ยให้กลุ่มผู้ถือพันธบัตร ทั้งๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องออกพันธบัตรเลย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยมีความสามารถที่จะออกธนบัตรเองได้ ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินบาทจำนวนนี้ เพราะว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีเงินสำรองเงินตราต่างประเทศ ทองคำ และพันธบัตรรัฐบาลอเมริกัน อยู่ในมือมากกว่า 250,000 ล้านเหรียญ สามารถค้ำประกันการออกธนบัตรได้มากกว่า 8 ล้านล้านบาท ซึ่งหน่วยงานรัฐเป็นหนี้พันธบัตรอยู่ในขณะนี้ และธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกพันธบัตรรัฐบาลไปเพื่อดูดซับเงินบาทในท้องตลาดเพื่อช่วยกลุ่มธนาคาร ไม่ต้องเก็บสภาพคล่องส่วนเกินนี้ไว้โดยไม่ได้รับดอกเบี้ยเลย สาเหตุเป็นเพราะธนาคารต้องการให้ตลาดขาดสภาพคล่อง และกลุ่มธนาคารสามารถปล่อยกู้ดอกเบี้ยมหาโหด 5 - 8% ขึ้นไป ทั้งๆ ที่เงินฝากอยู่ที่ 2% กว่าเท่านั้นเอง ด้วยความช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย กลุ่มธนาคารจึงทำกำไรมหาศาลโดยไม่เห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชน
ถ้า ธปท.ไม่ช่วยเหลือกลุ่มธนาคารก็ต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มสภาพคล่องเพิ่มการว่าจ้างแรงงาน ลดต้นทุนการผลิตการค้าการส่งออก หนี้ครัวเรือน ลดความเดือดร้อนของประชาชน ซื่งถูกซ้ำเติม โดยเหตุการณ์ที่ประชาชนคนงานตกงานไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ อันมีผลกระทบถึงประชาชนเกือบ 20 ล้านคน แล้วท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยังนั่งรับเงินเดือนจากหน่วยงานอันทรงเกียรติของประชาชน จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อน นั่งดูดายโดยไม่เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่ทำให้ต้นทุนการผลิตของไทยสู้กับญวนและคู่แข่งสินค้าไทยได้อีกต่อไปหรือครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี