ปี’67เบทาโกรกำไรพุ่ง13% ลงทุนเพิ่ม4พันล้านผ่าน3กลยุทธ์

ปี’67เบทาโกรกำไรพุ่ง13% ลงทุนเพิ่ม4พันล้านผ่าน3กลยุทธ์

วันพฤหัสบดี ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เปิดเผยว่า รายได้รวมของบริษัทในปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.)อยู่ที่ 114,942.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ซึ่งโรงงานผลิตอาหารสัตว์แห่งใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งแล้วเสร็จและเริ่มเดินหน้าการผลิตในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 โดยโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตกว่า 400,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้น 10% ส่งผลให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2567 อยู่ที่ระดับ 2,466.2 ล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิที่ระดับ 1,398.2 ล้านบาท ในปี 2566 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 15,401.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.1% จาก 10,837.6ล้านบาท ในปี 2566 และอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2567 อยู่ที่ 13.5%เพิ่มขึ้นจาก 10.0% ในปี 2566

นายวสิษฐราคาไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการส่งออกที่ยังเติบโตดีต่อเนื่อง และราคาสุกรฟื้นตัวขึ้นจากสถานการณ์การลักลอบนำเข้าชิ้นส่วน
และเนื้อสุกรที่คลี่คลายลง ส่งผลให้รายได้และปริมาณจากการขายเพิ่มขึ้นขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์อีกทั้งบริษัทฯ ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารต่อรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการลดลงจาก 10.7% ในปี 2566 เหลือ 10.5% ในปี 2567 โดยคาดการณ์ว่าราคาหมูและไก่จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2567 ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังมีแนวโน้มลดลง อีกทั้งภาคการส่งออกคาดว่าจะเติบโตได้ดีจากอุปสงค์ที่ เพิ่มขึ้นในตลาดยุโรป โดยเชื่อมั่นว่ารายได้ของเบทาโกรจะสามารถเติบโตได้ 3-7% ตามเป้าหมาย


สำหรับปี 2568 เบทาโกรมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า โดยวางแผนงบลงทุนประมาณ 4,800 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยดำเนินงานผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง ผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) และการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเร่งการขยายตลาด 2.การปรับพอร์ตสินค้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร มุ่งเน้นบริหารจัดการผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่สูงขึ้น 3.การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และปรับปรุงกระบวนการผลิตและลดต้นทุนผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการออกแบบกระบวนการใหม่

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top