6 ม.ค. 2568 นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ส่งข้อเสนอถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้พิจารณาเรื่อง “ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย” ซึ่งตนในฐานะนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล สำนักงานประเทศไทย (FIABCI-Thai) ได้เชิญนายอนุทินไปเปิดการสัมมนาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ: ข้อคิดสำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ
งานนี้มีผู้รู้จากเกือบ 10 ประเทศมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตนจึงสรุปผลการสัมมนาเพื่อประโยชน์ในการพัฒนามาตรการการจัดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติในประเทศไทย ดังนี้ :
-- ปัญหาต่างชาติกับอสังหาริมทรัพย์ : ตามข่าวคราวที่เกิดขึ้น ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย สร้างปัญหามากมาย เช่น ข่าวชาวยุโรปตะวันออกไปอยู่ภูเก็ตมีแอปฯ เรียกแท็กซี่ของตนเอง ช่างทำผมของตนเองก็มี หรือข่าวแก๊งอาชญากรรมจีนมาอยู่ในไทย หรือมาอยู่หมู่บ้านจัดสรรไทย สร้างความรำคาญมากมาย รวมทั้งการมาปล่อยเช่าห้องชุดเป็นโรงแรมอย่างผิดกฎหมายชัดเจน ในปัจจุบันนิวซีแลนด์ แคนาดา และยุโรปหลายประเทศไม่ให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์เพราะไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจแต่ก่อปัญหาหลากหลาย
“การที่หวังว่าต่างชาติจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นไม่เป็นความจริงเพราะประเทศไทยไม่ได้เก็บภาษีคนต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เท่าที่ควร ต่างจากคนไทยที่ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศต้องเสียภาษีมากมาย ข้อนี้ประเทศไทยจึงควรจัดเก็บภาษีต่างๆ กับคนต่างชาติ (แม้จะไม่เก็บกับคนไทยเองก็ตาม) เพื่อนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจและมีการควบคุมมากขึ้น”
- แนวทางการแก้ไขและมาตรการสนับสนุน
1.ควรให้คนต่างชาติเฉพาะที่มีถิ่นพำนักในไทยซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาเก็งกำไร ในหลายประเทศ เช่น จีน ก็กำหนดให้ชาวต่างชาติที่จะซื้อห้องชุดในจีนได้ ต้องมีถิ่นพำนักในจีนไม่ต่ำกว่า 1 ปี เป็นต้น แต่คนจีนกลับมาซื้อห้องชุดอยู่ในไทยได้ชั่วกัลปาวสาน ซึ่งอาจไม่เป็นธรรมสำหรับประเทศไทย
2.ควรมีการกำหนดราคาที่อยู่อาศัยขั้นต่ำที่ให้ต่างชาติซื้อได้หรือไม่ โดยทั้งหมดเห็นด้วยที่จะมีการกำหนดราคาขั้นต่ำ เพราะไม่เช่นนั้นจะมาแย่งคนไทยซื้อบ้าน โดยในต่างประเทศ เช่น มาเลเซียกำหนดไว้ที่ประมาณ 15 ล้านบาท และอินโดนีเซียอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท เป็นต้น
3.ควรกำหนดให้ชาวต่างชาติที่ซื้อบ้านหรือห้องชุดในไทย จะขายต่อได้ก็ต่อเมื่อผ่านไปเกิน 3 ปีแล้ว เพื่อป้องกันการเก็งกำไร ทั้งนี้มาตรการนี้ดำเนินการในไต้หวัน
4.กรณีเช่าที่ดินโดยชาวต่างชาติ ในประเทศต่างๆ ปกติให้เช่าไม่เกิน 30-50 ปีเท่านั้น ที่เช่าถึง 99 ปี มีเป็นรายแปลง ประเทศไทยจึงควรกำหนดให้เช่าไม่เกิน 50 ปี
5.กรณีสัดส่วนการถือครองห้องชุดที่ไทยให้ต่างชาติซื้อได้ไม่เกิน 49% นั้นเหมาะสมแล้ว ในประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ก็กำหนดไว้ประมาณ 40-49% เท่านั้น
6.ควรเก็บภาษีซื้ออสังหาริมทรัพย์ชาวต่างชาติ เช่นที่สิงคโปร์กำหนดไว้ถึง 60% แต่ในกรณีประเทศไทย เพียง 10-20% เช่นประเทศในยุโรปก็คงเพียงพอ
7.ชาวต่างชาติที่ซื้อที่อยู่อาศัย ควรเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายปีประมาณ 1% ก็น่าจะเพียงพอเช่นในต่างประเทศ
8.ชาวต่างชาติที่ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ไว้แล้ว เมื่อขายต่อควรเก็บภาษีกำไร เช่นในสหรัฐอเมริกาต้องเสียภาษีถึง 20% ในประเทศไทยอาจกำหนดไว้ที่ 10-20% เช่นกัน
9. ในการโอนมรดก ควรให้คนต่างชาติเสียภาษีตามราคาตลาด เช่น อาจเก็บเป็นอัตราเดียว เช่น 10-20% เป็นต้น
10.รัฐบาลควรมีมาตรการบางประการ เช่น กำหนดให้ต่างชาติซื้อได้เฉพาะบางโซน ไม่ใช่ซื้อได้ทั่วไป หรือห้ามการพัฒนาในพื้นที่ที่มีอุปทานล้นเกินเพื่อป้องกันปัญหาตลาดตกต่ำ
11.สำหรับปัญหา “นอมินี” หรือการใช้คนไทยซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือถือครองแอบแฝงโดยคนต่างชาตินั้น ควรปราบปรามการใช้นอมินีซื้ออสังหาริมทรัพย์อย่างเด็ดขาด
12.ในการประกอบการอุตสาหกรรมควรให้ต่างชาติซื้อ/เช่าที่ดินเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรม การอุตสาหกรรมอย่างสะเปะสะปะ จะทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้ควบคุมไม่ได้ เป็นปัญหาต่อความมั่นคง ถ้าถือปฏิบัติตามนี้กิจการนิคมอุตสาหกรรมของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะเติบโตขึ้น เมืองและการพัฒนาที่ดินจะเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
- การควบคุมทางวิชาชีพ : ในการประชุม มีข้อเสนอแนะจากประเทศต่างๆ ให้มีการควบคุมนักวิชาชีพ โดยเฉพาะนายหน้า ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน ผู้บริหารทรัพย์สินหรือแม้แต่ผู้ประกอบพัฒนาที่ดิน เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ทำให้เกิดช่องโหว่ในการทุจริตทางวิชาชีพและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาวิชาชีพอีกด้วยทั้งนี้อาจมีการออกเป็นพระราชบัญญัติวิชาชีพโดยนำนักวิชาชีพมารวมกันในพระราชบัญญัติเดียว เช่นเดียวกับในมาเลเซีย เป็นต้น
043..
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี