นายโยชิฮิโร ทาคาดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอลิค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กว่า 40 ปีที่โอลิค (OLIC) ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในฐานะผู้นำการให้บริการอุตสาหกรรมการผลิตยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพแบบสัญญาจ้างครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสำนักงานใหญ่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสำนักงานกรุงเทพฯ อยู่ที่อาคารมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ เป็นบริษัทในเครือ บริษัท ฟูจิ ฟาร์มา จำกัด มีสำนักงานใหญ่ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งฟูจิ ฟาร์มาเป็นบริษัททางการแพทย์ชั้นนำที่เชี่ยวชาญในการคิดค้นและพัฒนายาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสำหรับผู้หญิง ซึ่งเป็นรากฐานความแข็งแกร่งทางธุรกิจและการดำเนินงานของโอลิค
โดยโอลิคได้รับความไว้วางใจจากบริษัทยาชั้นนำกว่า 30 ประเทศทั่วโลก จากความเชี่ยวชาญในการผลิต ตั้งแต่ปรับปรุงพัฒนา ตรวจสอบวิธีวิเคราะห์ ผลิตและบรรจุ จัดเก็บและส่งมอบยา รวมถึงขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ ด้วยคุณภาพและมาตรฐานการผลิตระดับสากล ล่าสุดโอลิคพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านการดูแลสุขภาพผู้หญิง โดยการจัดหาเวชภัณฑ์คุณภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผู้หญิง อาทิ ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนเอสโตรเจนธรรมชาติ ยารักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ยารักษาการปวดเฉียบพลันหลังการผ่าตัดที่ใช้ยาในระยะสั้น และฮอร์โมนทดแทนในหญิงวัยหมดระดู ทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมกับการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง เพื่อส่งมอบสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับผู้หญิง
ทั้งนี้จากข้อมูล Global Women’s Healthcare Market รวบรวมโดย Research and Markets.com ระบุว่า ตลาดสุขภาพผู้หญิงทั่วโลกกําลังเติบโตอย่างมีนัยสําคัญ โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 66,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2576 ตลาดที่มีสัดส่วนสูงสุดเกี่ยวข้องกับโรคทางนรีเวช หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง ซึ่งการเติบโตนี้เป็นผลมาจากความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของผู้หญิงที่เพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยต่างๆที่ขับเคลื่อน ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการแพทย์ และการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน นอกจากนี้ผู้หญิงทั่วโลกยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพเฉพาะด้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมถึงสุขภาพการเจริญพันธุ์ สุขภาพมารดาและทารก สุขภาพเต้านม การจัดการภาวะวัยหมดประจำเดือน และสุขภาพทางเพศ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดยาคุมกำเนิดมีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท ประเทศไทยครองส่วนแบ่งตลาดถึง 50% ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดเผยข้อมูลใน Health Data Center เมื่อปี 2566 ไว้ว่าผู้หญิงไทยมีอัตราการป่วยด้วยโรคที่สูงกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงอยู่ที่ 17 ล้านคน ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 11 ล้านคน ซึ่งภาวะโรคของสตรีที่พบได้สูง ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปากมดลูก และอาการป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับทารกในครรภ์และถุงน้ำคร่ำ
โดยโอลิคคาดว่าตลาดสุขภาพผู้หญิงจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้กับนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพ โอลิคจึงมุ่งมั่นศึกษาและทำความเข้าใจปัญหาสุขภาพผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบนวัตกรรมให้สอดคล้องกับความต้องการและเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้หญิงในปัจจุบัน
เภสัชกรปัณณวิชญ์ จิตเมธีพงษ์ ผู้อำนวยการหน่วยธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ บริษัท โอลิค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดโอลิคได้เปิดตัวนวัตกรรมยาคุมกำเนิดฮอร์โมนเอสโตรเจนธรรมชาติ ที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจง ซึ่งมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้หญิงในประเทศไทยที่ประสบปัญหาสุขภาพผู้หญิง โดยปัจจุบันมีเวชภัณฑ์พร้อมให้บริการทั้งในสถานพยาบาลและร้านยาชั้นนำทั่วไปในประเทศไทย
นอกจากนี้เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล โอลิคจึงได้เตรียมกิจกรรมในการสร้างความตระหนักเรื่องสุขภาพผู้หญิงส่งเสริมความรู้และการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ การใช้ยาอย่างเหมาะสม สนับสนุนให้ผู้หญิงมีความรู้ในการตัดสินใจและมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพตนเองในรูปแบบของคอนเทนต์และกิจกรรมที่ให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ Be with HER - Empowering Her Health Decisions อาทิ การเปิดช่องทางสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพผู้หญิงทางออนไลน์ในรูปแบบของวิดีโอขนาดสั้น พร้อมด้วยกิจกรรมที่จัดร่วมกับพันธมิตรด้านสุขภาพอื่นๆตลอดทั้งปี 2568
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี