จับตาศก.โลก-ไทยทรุด  หวั่นฉุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

จับตาศก.โลก-ไทยทรุด หวั่นฉุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

วันพุธ ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,701 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่านี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมีนาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 50.8 ยังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่นหรือมีค่ามากกว่าระดับ 50 โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนียังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่น คาดว่ามาจาก 1. การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เพื่อเพิ่มการบริโภคในประเทศ รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและหนี้สิน ของภาคธุรกิจ และ 2. การส่งออกยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามทิศทางการขยายตัวของการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมของประเทศคู่ค้าสำคัญ ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการกำแพงภาษี อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย อาทิ นโยบายด้านการค้า ของสหรัฐฯ ความกังวลของประชาชนต่อภาระหนี้สิน เศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ รวมถึงความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็น 50.52 % รองลงมาคือ มาตรการของภาครัฐ คิดเป็น 15.21 % สังคม/ความมั่นคง คิดเป็น 7.80 % ราคาสินค้าเกษตร คิดเป็น 7.72  % เศรษฐกิจโลก คิดเป็น 6.91  % การเมือง คิดเป็น 5.14  % ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง คิดเป็น 4.14 % ภัยพิบัติ/โรคระบาด คิดเป็น 1.63 % และอื่น ๆ คิดเป็น 0.93 %   


“ ความกังวลของประชาชนต่อภาระหนี้สิน ตลอดจนสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศและการส่งออกสินค้าของไทย ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ” นายพูนพงษ์กล่าว

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 2 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 55.1 และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 52.1 โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้มีความเชื่อมั่นคือ เศรษฐกิจไทย มาตรการของภาครัฐ สังคม/ความมั่นคง และเศรษฐกิจโลก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 49.7 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 48.2 และภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 48.1 ปรับลดลงเล็กน้อย จากเดือนก่อนหน้า โดยสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ อาทิ ความกังวลต่อภาระค่าครองชีพ และหนี้สิน

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า 5 กลุ่มอาชีพมีดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น โดยพนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 55.2 ผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 51.3 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 51.6 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 50.2 และพนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 50.1 ขณะที่มี 2 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ อาชีพรับจ้างอิสระอยู่ที่ระดับ 49.4 และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 46.9 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 41.7

นายพูนพงษ์ฯ กล่าวว่า ประชาชนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงการลดภาระหนี้สินผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ นอกจากนี้ การขยายตัวของการส่งออกจากความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้าสำคัญยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นอีกทางหนึ่ง และในอนาคต โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ระยะที่ 3 และการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะมีผลทำให้เกิดการใช้จ่ายในทุกภูมิภาคและทุกภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประชาชนปรับตัวดีขึ้น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top