นางสาวเซลิน่า หยวน ประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า เรากำลังเปิดตัวชุดอัปเดทประสิทธิภาพ Platform-as-a-Service (PaaS) และโซลูชัน AI เพื่อตอบสนองความต้องการการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลทั่วโลก การอัปเกรดเหล่านี้ช่วยให้เราให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถสเกลและสร้างนวัตกรรมในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทั้งนี้ คลาวด์และ AI กลายเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตทั่วโลก เราจึงมุ่งมั่นเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลิตภัณฑ์หลักของเรา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลาของลูกค้า

อาลีบาบา คลาวด์ ประกาศขยายให้ลูกค้านานาประเทศเข้าถึงโมเดลพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทฯ ที่ได้รับการอัปเกรด ผ่าน availability zones ของบริษัทฯ ในสิงคโปร์ โมเดลเหล่านี้รวมถึงโมเดลล่าสุดจาก Qwen ซึ่งเป็นชุดโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่อาลีบาบา  คลาวด์ เป็นเจ้าของ เช่น Qwen-Max ซึ่งเป็นโมเดลขนาดใหญ่ Mixture of Experts (MoE) model, โมเดลการใช้เหตุผล QwQ-Plus, โมเดลการใช้เหตุผลจากภาพ QVQ-Max และมัลติโมดัลโมเดลครบวงจร Qwen2.5-Omni-7b

QwQ-Plus เป็นโมเดลการใช้เหตุผลประสิทธิภาพสูงที่เชี่ยวชาญด้านการคิดวิเคราะห์เชิงลึก สามารถจัดการความท้าทายที่ซับซ้อนต่าง ๆ เช่น งานถามตอบที่ซับซ้อนและปัญหาทางคณิตศาสตร์ระดับสูงด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยอัลกอริธึมที่แม่นยำ ส่วน QVQ-Max นั้นคือโมเดลการใช้เหตุผลจากภาพ ซึ่งสามารถจัดการกับปัญหามัลติโมเดลที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความแม่นยำสูง และมีความสามารถในการให้เหตุผลเพิ่มขึ้น รองรับการอินพุตข้อมูลด้วยภาพ และเอาท์พุตเป็นห่วงโซ่แห่งความคิด (chain-of-thought)

อาลีบาบา คลาวด์ ได้ปรับเพิ่มประสิทธิภาพครั้งใหญ่ในส่วน Platform for AI (PAI) ของบริษัทฯ ให้รองรับโซลูชัน generative AI และ LLMs ที่สามารถสเกลได้ คุ้มค่าใช้จ่าย และใช้งานง่าย เพื่อสนับสนุนการใช้โมเดล AI บน PaaS ทั้งนี้ PAI-Elastic Algorithm Service (EAS) ปล่อยความสามารถในการอนุมานแบบกระจายด้วยสถาปัตยกรรมแบบมัลติโหนด เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของโมเดลขนาดใหญ่พิเศษ (super-large models) ที่ขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างแบบ MoE ที่เพิ่มขึ้น และการประมวลผลข้อความที่ยาวมาก ๆ เป็นการจัดการกับข้อจำกัดของสถาปัตยกรรมซิงเกิลโหนดแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ PAI-EAS มอบประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและลดค่าใช้จ่าย ด้วยฟังก์ชันการแยกส่วนการถอดรหัสล่วงหน้า (prefill-decode disaggregation) ซึ่งเพิ่มการทำงานพร้อมกันได้ 92% และเพิ่มโทเค็นต่อวินาที (TPS) ได้ 91% เมื่อใช้กับโมเดล Qwen2.5-72B นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการสเกลได้อย่างมาก

PAI-Model Gallery ได้รับการอัปเกรดโดยมอบตัวเลือกโมเดลโอเพ่นซอร์สล้ำสมัยเกือบ 300 โมเดลอย่างครอบคลุม รวมถึง Qwen และ Wan ซึ่งเป็นชุดโมเดลโอเพ่นซอร์สที่อาลีบาบา คลาวด์ เป็นเจ้าของ ให้สามารถเข้าถึง ปรับใช้ และบริหารจัดการได้อย่างราบรื่นได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโค้ด ผ่านวิธีการใช้หลากหลาย ที่มาพร้อมทรัพยากรการประมวลผลพื้นฐาน และฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การประเมินโมเดลเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกด้านประสิทธิภาพ และการถ่ายโอนความรู้จากโมเดลขนาดใหญ่ไปยังโมเดลขนาดเล็ก (model distillation) ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการปรับใช้โมเดล

อาลีบาบา คลาวด์ ได้ผสานรวมความสามารถในการอนุมาน AI แบบเนทีฟของบริษัทฯ ซึ่งขับเคลื่อนโดย Qwen ไว้ใน PolarDB ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบคลาวด์-เนทีฟชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการข้อมูลในยุค AI แมชชีนเลิร์นนิ่งที่อยู่ในฐานข้อมูลสามารถขจัดความไม่ตรงกันระหว่างข้อมูลที่ใช้เทรนโมเดลและข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริง (data shifting) ที่เวิร์กโฟลว์การอนุมานต้องการ เป็นการลดเวลาการตอบสนองในการประมวลผลได้อย่างมาก ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของข้อมูล ฟีเจอร์ใหม่นี้ออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลดที่เน้นข้อความเป็นหลัก เหมาะสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนา conversational RAG (Retrieval-Augmented Generation) agent, การสร้างการฝังข้อความ และการค้นหาความหมายที่คล้ายกัน

นอกจากนี้ ยังได้ผสานรวม AnalyticDB ซึ่งเป็นดาต้าแวร์เฮ้าส์ เข้ากับ Model Studio ซึ่งเป็นโมเดล generative AI และแพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนาแอปพลิเคชันของบริษัทฯ เป็นฐานข้อมูลเวกเตอร์ที่แนะนำสำหรับโซลูชัน RAG การเพิ่มประสิทธิภาพนี้เป็นการเชื่อมโยงฐานความรู้ที่เป็นกรรมสิทธิ์ขององค์กร ตรงไปยังโมเดลและเครื่องมือ AI ที่มีอยู่บน Model Studio เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาแอปพลิเคชันที่คำนึงถึงบริบท (context-aware)

เครื่องมือ AI แบบ SaaS ใหม่ เพื่อเร่งการทรานส์ฟอร์มของอุตสาหกรรม

นอกจากโมเดล AI ต่าง ๆ รวมถึงการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มแล้ว อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ในลักษณะ Software-as-a-Service (SaaS) เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้กับทุกอุตสาหกรรม เครื่องมือเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถช่วยให้ลูกค้านานาประเทศขยายขีดความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ระบบอัตโนมัติ และการสร้างเนื้อหา

●AI Doc: เครื่องมือประมวลผลเอกสารอัจฉริยะที่ใช้ประโยชน์จาก LLMs เพื่อแยกวิเคราะห์เอกสารแต่ละประเภท รวมถึง รายงานทางธุรกิจ แบบฟอร์มต่าง ๆ คู่มือผลิตภัณฑ์ และเอกสารการจัดซื้อ สามารถดึงข้อมูลตามที่ธุรกิจต้องการได้อย่างแม่นยำ และสร้างรายงานตามวัตถุประสงค์เฉพาะได้อย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อใช้ร่วมกับ Energy Expert ซึ่งเป็นโซลูชันการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของอาลีบาบา คลาวด์ องค์กรธุรกิจสามารถประมวลผลเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสร้างรายงานที่ตรงตามกรอบการรายงาน แนวทาง และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG)

●Smart Studio: แพลตฟอร์มที่ใช้สร้างเนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้แอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นภาพ, ภาพเป็นภาพ และข้อความเป็นวิดีโอ ทำงานอย่างราบรื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิผลทางการตลาดและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ เกม การศึกษา และอุตสาหกรรมบันเทิง เช่น สามารถใช้พลังของ AI สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่เจาะจงตัวบุคคลให้ลูกค้าแต่ละราย เลือกลองเสื้อผ้าหลายแบบ ปรับแต่งทรงผมแบบเวอร์ชวล แต่งหน้า และเลือกเครื่องประดับ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการสร้างรูปภาพจากคำอธิบายที่เป็นภาษาธรรมชาติที่มนุษย์ใช้กันทั่วไป หรือออกแบบผลิตภัณฑ์ได้เพียงคลิกเดียว

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้เปิดตัวฟังก์ชัน AI search ใหม่บนเว็บไซต์ทางการของบริษัทฯ โดยผู้ช่วย AI นี้ใช้ Qwen และออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะ SMEs ค้นพบโซลูชันและได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญได้เร็วขึ้น เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ยังเปิดให้เข้าถึงโซลูชันคลาวด์ที่คุ้มค่าใช้จ่ายและสเกลได้ ที่มาพร้อมทรัพยากรสำหรับการเทรนด้าน AI และคลาวด์คอมพิวติ้งฟรี

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังแนะนำนโยบายจูงใจพันธมิตรที่ได้รับการอัปเกรด เพื่อสนับสนุนผู้ค้าปลีกและผู้จัดจำหน่ายได้ดีขึ้น โดยเพิ่มความยืดหยุ่น เพิ่มอัตราค่าคอมมิชชัน และเพิ่มโอกาสในการได้รับรางวัลมากขึ้น เพื่อการเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ความมุ่งมั่นในการเพิ่มศักยภาพให้พันธมิตรเช่นนี้ ได้รับการเสริมแกร่งด้วยทรัพยากรการฝึกอบรมและการสนับสนุน ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมขีดความสามารถให้กับพันธมิตร และขับเคลื่อนความสำเร็จภายในระบบนิเวศที่พัฒนาต่อเนื่อง

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อาลีบาบา กรุ๊ป ได้ประกาศลงทุนมูลค่า 53 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (380,000 ล้านหยวน) ในระยะเวลาสามปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวติ้งและ AI ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความมุ่งมันในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในระยะยาวของบริษัทฯ การลงทุนครั้งประวัติศาสตร์นี้ มากเกินกว่าการใช้จ่ายด้าน AI และคลาวด์ทั้งหมดของอาลีบาบาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เป็นการยืนยันให้เห็นว่าบริษัทฯ ทุ่มเทอย่างต่อเนื่องต่อการเติบโตของการใช้ AI และตอกย้ำบทบาทของบริษัทฯ ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก ปัจจุบัน อาลีบาบา คลาวด์ ดำเนินงานเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกใน availability zones 87 แห่ง ใน 29 ภูมิภาค

- 030