แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมรายหนึ่งเปิดเผยว่าปัจจุบันพบว่ามีเหล็กเส้นและเหล็กทรงยาวชนิดต่างที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในตลาดมากขึ้น และจากเหตุการณ์ที่อาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่น(สตง.)แห่งใหม่ ที่กำลังก่อสร้างเกิดการถล่มลงมาหลังรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา แล้วพบว่ามีเหล็กที่ไม่ผ่านมาตรฐานถูกนำมาใช้ก่อสร้างอาคารดังกล่าวอยู่ด้วยนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าทางการต้องเร่งแก้ไขปัญหาเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานให้ได้โดยเร็ว เพราะเรื่องนี้กระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตของคนไทย 

แหล่งข่าวรายนี้ระบุอีกว่า เหล็กเส้นและเหล็กทรงยาวชนิดต่างๆที่ถูกพบว่าไม่ได้มาตรฐานนั้น ทั้งหมดมาจากบริษัทเหล็กของจีน ที่ใช้ การหลอมเหล็กด้วยเตาอินดักชัน หรือเตา IF ( Induction Furnace) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ ประเทศจีนสั่งยกเลิกจึงได้ย้ายโรงงานมาผิดในประเทศไทยเมื่อในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี2557-2559) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 10 ราย และหนึ่งในโรงเหล็กเส้นขนาดใหญ่ ของจีนที่เข้ามาตั้งโรงงานในไทยก็คือ บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กเส้นที่นำมาใช้ก่อสร้างตึก สตง.ที่ถล่มลงมา และพบว่าผลการตรวจสอบของสถาบันเหล็กกล้าฯเหล็กจากบริษัทดังกล่าวไม่ผ่านมาตรฐาน          

 “ เตา IF จีนและทั่วโลกเขาเลิกใช้กันแล้ว เนื่องจากสร้างมลพิษทางอากาศสูง ควบคุมคุณภาพของเหล็กและคุณค่าทางเคมีได้ยากมาก ใช้เงินลงทุนเพียงแค่หลักร้อยล้านบาทก็เกิดเตาIFได้แล้ว ขณะที่ผู้ผิตเหล็กของไทยทั้งหมดใช้การหลอมเหล็กแบบ เตาหลอมแบบ Electric Arc Furnace หรือเตา EAF  ซึ่งเป็นระบบที่สามารถควบคุมคุณภาพทางเคมีได้ดีกว่า กำจัดสิ่งเจือปนออกจากเหล็กได้ง่าย ทำให้ได้เหล็กบริสุทธิ์ คุณภาพดีสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น แต่ต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านบาท ปัจจุบันเหล็กเส้นที่ผลิตจากเตา IF   อยู่ในตลาดมากกว่า 50 %  จากความต้องการใช้ 2.8 ล้านตัน/ปี ด้วยข้อกังขาด้านคุณภาพของเหล็กจากเตา IF ถือว่าปัจจุบันชีวิตคนไทยตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก และผู้ผลิตสัญชาติไทยก็เสี่ยงที่จะล้มหายตายจากไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องเหล็กจากเตา IF  อย่างเร่งด่วน หรือจะยกเลิกเตาIF อย่างที่จีนและทั่วโลกเขาทำกันก็จะดีต่อประเทศชาติมากๆ ” แหล่งข่าวกล่าว  

วันเดียวกันนี้นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงข่าวว่าในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 – มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทีมสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการยึดอายัดเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ที่ไม่ได้มาตรฐาน จากโรงงานผู้ผลิตในจังหวัดชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี นครราชสีมา และสระแก้ว จำนวน 7 ราย ซึ่งเป็นโรงงานร่วมทุนกับต่างชาติ 4 ราย และโรงงานไทย 3 ราย รวมมูลค่ายึดอายัด 361,413,115 บาท   

ทั้งนี้จากปัญหาเรื่องคุณภาพของเหล็กจากเตา IF นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวและพยายามหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งที่ผ่านมาไดมีการหารือกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว และในเบื้องต้น กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะปรับปรุง มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ใหม่สำหรับเหล็กเส้นที่ผลิตจากเตา IF   และกำหนดว่าจะใช้เหล็กเส้นจากเตาIF ไปก่อสร้างอะไรได้บ้าง โดยไม่ใช่อาคารสูงหรือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่   นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและทีมงาน กำลังศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านว่าจะเป็นอย่างไรบ้างหากว่าประเทศไทยจะยกเลิก เตา IF เหมือนที่ทั่วโลกเขาทำกัน    

 “ในส่วนของ มอก.20 เหล็กเส้นกลม และ มอก. 24 เหล็กข้ออ้อยที่ผลิตจากเตาหลอมเหล็กชนิด IF (Induction Furnace) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลอมเหล็กแบบเก่า ซึ่งมีเสียงวิจารณ์วงกว้างถึงปัญหาเรื่องคุณภาพและความบริสุทธิ์ของเหล็ก รัฐมนตรีเอกนัฎ ได้สั่งการให้ สมอ. ศึกษาแนวทางแก้ไข หรือ ยกเลิก มอก. เหล็กเส้นจากเตาหลอมเหล็ก IF ชนิดนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสม่ำเสมอของมาตรฐานผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นไทยในอนาคต” นายพงศ์พล กล่าว

ส่วนกรณีของ บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด    กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมการแลกเปลี่ยนและสนับสนุนข้อมูลร่วมกันเพื่อเอาผิดกับโรงงานผลิตเหล็กดังกล่าวตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน และส่งให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI) ซึ่ง DSI สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ เนื่องจาก มีความซับซ้อนและกระทบต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวม กรณีนี้นับเป็นต้นแบบของการทำงานของหน่วยงานรัฐเพื่อสู้กับธุรกิจศูนย์เหรียญในประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการกับโรงงานดังกล่าวตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ หากตรวจสอบพบว่ามีการผิดกฎหมาย ข้อใดจะดำเนินการให้ถึงที่สุด