นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO เปิดเผยว่า การจ่ายปันผลในครั้งนี้เป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจในทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท เรามั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2568 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ตามแผนยุทธศาสตร์ “LEO Go Green” ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น และขยายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics รวมบริการด้าน Distribution Center /Warehouse ให้เติบโต 15 - 20% ได้ตามเป้า
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ขึ้นเป็น 30-35% ของรายได้รวม โดยบริษัทมีแผนต่อยอดการให้บริการด้าน Distribution Center / Warehouse รวมถึงการให้บริการโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจใหม่ๆ
อย่างไรก็ตามในปีนี้ LEO ยังเดินหน้าขยายโอกาสทางธุรกิจในกลุ่ม Freight โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศไปยังประเทศอินเดียและประเทศในกลุ่ม MIDDLE EAST ที่เป็นตลาดมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องและยังมีโอกาสในการขยาย volume การส่งออกอีกมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและมีความต้องการสินค้าคุณภาพดีจากต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจ Non-Freight อื่นๆ ของบริษัทฯ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 นี้ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลส่งออกผลไม้ ซึ่งตลาดหลักของเรา ได้แก่ ประเทศจีน โดย บริษัท ลีโอ ซอร์สซิ่ง แอนด์ ซัพพลายเชน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ LEO ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสำนักงานพาณิชย์เมืองคุนหมิง เพื่อส่งเสริมและพัฒนาแผนการค้าสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกทุเรียนลูกสดและทุเรียนแช่แข็งผ่านช่องทางขนส่งทางราง ไทย-ลาว-จีน
ทั้งนี้ล่าสุด ได้ให้การต้อนรับคณะผู้สั่งซื้อนำเข้าทุเรียนจากเมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน และตัวแทนจากสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนของเมืองคุนหมิง ( E-Commerce Cross Border Association) และ สมาคมการผ่านพิธีการศุลกากรของเมืองคุนหมิง ลงพื้นที่ศึกษากระบวนการตั้งแต่การเพาะปลูก เก็บเกี่ยว คัดแยก ณ สวนทุเรียน และการกำกับดูแลงานแปรรูป และบรรจุหีบห่อทุเรียนอย่างเข้มงวด ณ โรงคัดบรรจุทุเรียน (ล้ง) ในพื้นที่จันทบุรี เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในมาตรฐานการผลิต และกระบวนการส่งออก เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมส่งออกทุเรียนของไทย พร้อมประชุมหารือในเรื่องของการจัดซื้อและบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ข้ามแดนไปสู่ประเทศจีน เพื่อผลักดันการส่งออกทุเรียนไทยไปสู่ผู้บริโภคชาวจีนให้มากขึ้น
“หนึ่งในแผนการสำคัญของ LEO ในปี 2568 คือการพัฒนาระบบขนส่งรถไฟจีน-ไทย ด้วยตู้ Reefer Containers ให้เป็นระบบแบบขนส่ง Round trip มีสินค้าขาไปและขากลับ ระหว่างประเทศจีน-ไทย โดย LEO จะเป็นผู้จัดหาสินค้าส่งออกจากประเทศไทยมายังจีน และทางฝ่ายจีนก็จะช่วยหาสินค้าส่งออกจากประเทศจีนกลับมายังประเทศไทย โดย LEO มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ End-to-End Global Logistics Service Provider และเครือข่ายของ LaneXang Express ในประเทศจีนและไทยจะสามารถช่วยยกระดับการให้บริการเข้าสู่มาตรฐานสากล ผลักดันให้การขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างจีน-ไทย ให้ประสบความสำเร็จ และสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ส่งออกและนำเข้าทั้งในประเทศไทยและจีน”นายเกตติวิทย์
ในด้านการขนส่งทางรางระหว่างประเทศนั้น นายเกตติวิทย์เน้นย้ำว่า LEO เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการขนส่งสินค้าทางรางจากไทย ผ่านประเทศลาวจนถึงเมืองคุนหมิง และขยายการส่งต่อสินค้าไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน ทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการขนส่งทางรางได้อย่างครบวงจร รองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกผลไม้ สินค้าเกษตร และสินค้าอื่นๆ
อย่างไรก็ดีLEO มีเป้าหมายให้การขนส่งทางรางเป็นกุญแจสำคัญในการขยายตลาดจีน และคาดว่าปริมาณการขนส่งผลไม้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย LEO ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่สามารถให้บริการขนส่งผลไม้ทางรางไปยังประเทศจีนได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางในไทยจนถึงปลายทางในเมืองต่างๆ ของจีน ซึ่ง LEO เชื่อมั่นว่า ปี 2568 รายได้และกำไรขั้นต้นของบริษัทจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาจากการขนส่งสินค้าทางรถไฟระหว่างประเทศไทยกับจีน รวมทั้งธุรกิจของ Non - Logistics Business จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี