บมจ.เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ (MPJ) โชว์ฟอร์มเด่น ไตรมาส 1/2568 กวาดรายได้จากการให้บริการ 269.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.03% และกำไรสุทธิ 29.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125.33% จากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ

นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ ผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรและผู้นำด้านบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ จำนวน 269.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.81 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 29.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.45 ล้านบาท หรือคิดเป็น 125.33% (YoY) เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การให้บริการในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท

โดยธุรกิจให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือ มีรายได้ 127.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.34% (YoY) เนื่องจากปริมาณรอบในการให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือมีจำนวนเพิ่มขึ้น ธุรกิจให้บริการด้านการบริหารจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ มีรายได้ 87.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.68% (YoY) เนื่องจากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้าและออกเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ มีรายได้ 46.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.80% (YoY) หลังจากบริษัทมีการวางแผนในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงการสร้างและพัฒนาพนักงานแผนกขายในส่วนของธุรกิจนี้ ทำให้กระตุ้นการใช้บริการของลูกค้าเดิม และสามารถขยายฐานไปยังลูกค้าใหม่ให้มาใช้บริการได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล ธุรกิจให้บริการให้เช่าคลังสินค้า มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 6.03 ล้านบาท หรือคิดเป็น 313.49% (YoY) จากการที่บริษัทมีการรับรู้รายได้ค่าเช่าจากโครงการคลังสินค้าระยอง เฟส 1 ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 และการขยายฐานลูกค้าในส่วนของธุรกิจรับบริหารจัดการคลังสินค้า

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ในช่วงไตรมาสที่เหลือหลังจากนี้ บริษัทมองว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลการส่งเสริมจากสำนักงาน BOI ที่ได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขยอดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2567 สูงถึง 1.13 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรม ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ดังนั้นจึงส่งผลเชิงบวกต่อบริษัทในการขยายการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจหลักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวมในปี 2568 เพิ่มขึ้น 20%

“ปัจจุบันบริษัทมีการขยายพื้นที่ลานตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับปริมาณงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีการลงทุนใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายลานตู้คอนเทนเนอร์ที่แหลมฉบัง และลานตู้คอนเทนเนอร์ที่ลาดกระบัง ขณะที่ธุรกิจให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือได้มีการเตรียมขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ (Domestic Transportation) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศขยายส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคใหม่ๆเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจให้บริการให้เช่าคลังสินค้า บริษัทมีแผนในการลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ ในจังหวัดระยอง เฟส 2 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น”นายจีระศักดิ์ กล่าว

-033